ลูกไม่ยอมใส่รองเท้า วิ่งเล่นเท้าเปล่า พ่อแม่ควรห้ามหรือปล่อย

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

สำหรับเด็กในวัย 3 – 5 ขวบ ยังเป็นวัยที่เขายังสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การได้ออกไปวิ่งเล่น เป็นอะไรที่สนุกสุดแล้ว แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่กังวลคือ ลูกชอบถอดรองเท้าวิ่งเล่น แบบนี้จะห้ามหรือจะปล่อยดีล่ะ

พัฒนาการด้านการเรียนรู้

โดยทั่วไปแล้วเด็กทารกไปจนถึงวัยประมาณ 9 เดือน เป็นวัยที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้เท้าลูกได้สัมผัสกับพื้นผิวที่หลากหลาย เพราะวัยนี้ “เท้า” เป็นอวัยวะที่จะทำให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งใหม่ได้ดีที่สุด โดยเฉพาะกับที่ให้ลูกได้ไปเดินเท้าเปล่าบนพื้นทราย หรือพื้นหญ้านิ่ม ๆ
สำหรับเด็กที่โตขึ้นมาสักหน่อยในวัยเตาะแตะ การที่ลูกได้วิ่งเล่นด้วยเท้าเปล่า ไม่มีรองเท้าที่บีบรัด แบบนี้จะช่วยให้ระบบประสาทมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เรียนรู้จากการเล่นได้อย่างเต็มที่

เหตุผลที่ควรให้ลูกได้วิ่งเล่นเท้าเปล่า

คุณพ่อคุณแม่มานั่งทบทวนกันค่ะว่าครั้งสุดท้ายที่คุณพ่อคุณแม่ถอดรองเท้าเดินเล่นคือเมื่อไหร่คะ? เรื่องการถอดรองเท้าเดิน หรือวิ่งนั้น มีผลงานการวิจัยได้ระบุเอาไว้ เกี่ยวกับเหตุผลที่ควรให้ลูกได้วิ่งเล่นเท้าเปล่า หรือเดินเท้าเปล่า ดังนี้

ได้สัมผัสกับธรรมชาติโดยตรง

การใช้ชีวิตประจำวันของเราทุกวันนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นประจุบวก และเราก็ดูดซับเข้าร่างกายทุกวันโดยที่เราไม่รู้ตัว ประจุบวกดังกล่าว ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้า Wi-Fi รวมถึงสัญญาณมือถือ ดังนั้น การที่เราได้ปล่อยให้ร่างกาย ผิวหนังของเราได้สัมผัสโดยตรงกับพื้นผิวธรรมชาติบ้าง ประจุลบจากพื้นโลกก็จะดูดซับเข้าร่างกายของเราเช่นกัน เรียกได้ว่า เป็นการคืนความสมดุลให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี

ช่วยให้หลับสบาย และต่อต้านอนุมูลอิสระ

ความเหนื่อยล้า ความเจ็บปวด การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงการเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเกี่ยวกับการอักเสบของอนุมูลอิสระทั้งสิ้น การเพิ่มประจุลบเข้าสู่ร่างกายจึงมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยควบคุมอนุมูอิสระให้อยู่ภายใต้การควบคุมของร่างกาย ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุด คือ การเดินเล่นด้วยเท้าเปล่า เป็นระยะเวลาประมาณ 30 นาที หรือแม้แต่การปล่อยให้ลูก ๆ ได้เดินเล่นหรือวิ่งเล่นด้วยเท้าเปล่าก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น และมีการนอนหลับที่มีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย

กระตุ้นระบบประสาท

เท้าเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่เป็นศูนย์รวมของเส้นประสารททั่วร่างกาย การที่สวมรองเท้าเท้าเดินชายหาด พื้นหญ้า หรือพื้นทราย อาจทำให้ลูก ๆ และคุณพ่อคุณแม่เองเสียโอกาสในการกระตุ้นประสาทสัมผัสในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทลดลง

ช่วยเสริมสร้างข้อต่อและกล้ามเนื้อ

การที่ลูกได้เดินด้วยเท้าเปล่า จะเป็นการช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อเท้า และข้อเท้าได้ นอกจากนี้ยังช่วยกระชับส่วนโค้งของเท้า เสริมสร้างความแข็งแรง รวมถึงการปรับตำแหน่งของกล้ามเนื้อทั้งขาได้เป็นอย่างดี หรือจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ช่วยลดความรุนแรงจากอาการบาดเจ็บที่เกิดกับข้อต่อสะโพก หัวเข่า และข้อเท้านั่นเอง

ได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติ

เมื่อลูกได้ถอดรองเท้าเดิน ได้สัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น ลูกก็จะได้เรียนรู้ว่า พื้นสัมผัสของหินเป็นอย่างไร แข็งแค่ไหน? พื้นทรายที่มีใบแห้งร่วงลงมา เสียงของใบไม้แห้ง เมื่อเหยียบแล้วเป็นอย่างไร? ความนุ่มของหญ้า ความคมของหนาม ซึ่งเมื่อประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้ทำงานอย่างเต็มที่ เด็ก ๆ จะได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ เด็กจะได้เรียนรู้ว่าธรรมชาติก็มีอะไรให้เรียนรู้ได้อีกมากมาย

ประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติมหากลูกเดินท้าเปล่า

  • ช่วยลดปริมาณเหงื่อที่ขับออกจากเท้าและเชื้อราที่เท้า
  • ช่วยปรับรูปทรงของเท้า ให้เหมาะกับการฝึกเดินของลูก
  • ช่วยแรงกระแทกที่ส่งไปถึงหัวเข่า ทำให้หัวเข่าทำงานน้อยลง ทำให้ขาแข็งแรงขึ้น
  • เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อฝ่าเท้าและข้อเท้า
  • ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นและสามารถผลิตออกซิเจนได้มากขึ้น

ข้อควรรูก่อนให้ลูกเดินเท้าเปล่า

ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะให้ลูกได้ถอดรองเท้าเดินเล่น หรือวิ่งเล่น ควรดูให้แน่ใจก่อนนะคะว่าพื้นที่บริเวณนั้นปลอดภัยไม่มีเชื้อโรค หรือพยาธิต่าง ๆ แฝงอยู่ อาทิ จากมูลสัตว์ หรือพื้นที่ที่ชื้นแฉะ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยได้รับเชื้อโรคเข้าไปค่ะ

การให้ลูกได้ถอดรองเท้าวิ่งเล่นบ้าง เดินเล่นบ้าง เป็นสิ่งที่ดีค่ะ หากพื้นที่นั้นไม่ใช่พื้นที่ที่ชื้แฉะ เพราะพัฒนาการและการเรียนรู้เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรมีส่วนช่วยกระตุ้น ลูก ๆ ก็จะเติบโตพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อย่างสนุกและมีความสุขค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP