เลี้ยงลูกให้โตไปกับเทคโนโลยีมีผลดีหรือเสีย

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

ในเมื่อปัจจุบันการอ่านหนังสือในตำราเป็นเล่มๆ หรือการเรียนการสอนในห้องเรียนมันไม่เพียงพอและยังไม่รวดเร็วที่จะทำให้เด็กๆ ทันโลกทันเหตุการณ์ได้และก็มีสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีที่คอยพัฒนาอยู่ทุกมันและเข้ามาเป็นตัวช่วยในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
แต่ก็มีข่าวคราวหลากหลายแง่มุมทั้งในมุมที่ดีและไม่ดีของเทคโนโลยี แล้วถ้าเป็นแบบนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรจะมีวิธีรับมือกับเทคโนโลยีที่ทั้งจำเป็นและอาจส่งผลเสียกับลูกในเวลาเดียวกันอย่างไรดี ก่อนอื่นสิ่งที่จะแนะนำกันในวันนี้ก็คือให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองมองข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยีอย่างแท้จริงกันก่อนแล้วค่อยลองไปตัดสินใจหาวิธีการเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับลูกของคุณกัน

ข้อดีของการเลี้ยงลูกควบคู่ไปกับเทคโนโลยี

ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และก็ทำให้หาข้อมูลเรียนรู้ได้ทันที

เทคโนโลยีรวมทั้งความรวดเร็ว กว้างขวาง และลึกซึ้งขององค์ความรู้ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันซึ่งเป็นผลดีกับความอยากรู้อยากเห็นข้อมูลต่างๆ ทำให้สามารถไขข้อสงสัยให้กับเด็กๆ ได้ทันที แต่ขอบเขตการใช้งานที่เหมาะสมนั้นมีข้อแนะนำว่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี นั้นยังไม่ควรใช้สมาร์ตโฟนแทปเล็ต โทรทัศน์ใดๆ มากนักและหากจำเป็นจริงๆ ก็ควรเป็นเด็กที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไปแต่ควรอยู่ในการควบคุมดูแลของผู้ปกครองตลอดเวลาอีกด้วย

ถือเป็นการเตรียมพร้อมให้เด็กทำงานในอนาคต

เป็นที่รู้กันดีและปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าในตอนนี้การทำงานในแทบจะทุกอย่างมีเทคโนโลยีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้นทำให้ถ้าเด็กๆ ได้เรียนรู้การใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ เอาไว้ตั้งแต่เด็กเมื่อโตขึ้นและต้องเข้าสู่ตลาดการทำงานอย่างจริงจังก็จะมีความสามารถที่จะปรับตัวและเข้าใจเทคโนโลยีได้อย่างง่ายดายนั่นเอง

ทำให้มีโอกาสได้พบปะผู้คนมากขึ้น

เทคโนโลยีคือสิ่งที่สามารถเชื่อมโลกได้อย่างแท้จริงไม่มีข้อจำกัดว่าคุณจะอยู่ที่ไหนเพราะมันสามารถพาคุณไปได้ทันทีที่ต้องการ อย่างที่ทุกวันนี้แทบทุกคนจะต้องมีก็คือสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัวที่ทำให้คุณได้เข้าไปพบปะกับกลุ่มคนที่เป็นเพื่อนและยังได้พบกับกลุ่มคนที่มีความชอบในสิ่งต่างๆ ที่คล้ายกันด้วย แต่อย่างไรก็ตามคุณพ่อคุณแม่ต้องตระหนักและรู้เท่าทันเทคโนโลยีและลูกเสมอว่าลูกยังไม่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจที่ดีพอเมื่อเจอกับสถานการณ์อันตรายในสื่อออนไลน์เขาอาจจะหลงกลได้ง่ายๆ

เกมมีส่วนช่วยในกระบวนการคิดและพัฒนาการตัดสินใจ

ทุกอย่างมีแง่ดีเสมอเกมเองก็เช่นกันหากลูกของคุณได้เล่นมันอย่างถูกวิธีและเหมาะสมเพราะความสนุกคือแรงจูงใจในการเรียนรู้ที่ดีถึงดีที่สุดเลยทีเดียว และยังมีกลยุทธ์ รางวัล และการแข่งขันต่างๆ มาดึงดูดทำให้ลูกได้คิดต่อยอดมากขึ้นอีกด้วย แต่ก็ยังมีสิ่งที่ควรระวังนั่นก็คือในเรื่องของการยับยั้งอารมณ์ต่างๆ ของลูกนั่นเองเพราะบางครั้งเมื่อเขาแพ้หรือล้มเหลวในเกมอาจจะส่งผลเครียดมาในชีวิตจริงก็เป็นได้

ข้อเสียของการเลี้ยงลูกควบคู่ไปกับเทคโนโลยี

ทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไป

แน่นอนว่าการใช้เทคโนโลยีบางประเภทมีความจำเป็นที่จะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ลงไปเพื่อที่จะดำเนินการและในบางครั้งบุคคลที่ไม่หวังดีกลับสามารถบุกรุกข้อมูลเหล่านี้ของลูกคุณและนำไปใช้ในทางที่ผิดรวมทั้งเด็กๆ เองก็ยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอที่จะคิดให้รอบคอบและสังเกตในสิ่งที่ควรระวัง ดังนั้น นี่อาจจะทำให้เทคโนโลยีเข้ามารุกล้ำความเป็นส่วนตัวของคุณและยังทำให้เด็กๆ อาจมีอันตรายทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้อีกด้วย

กลายเป็นคนไม่รอบคอบ

ด้วยความง่าย ความเร็ว ทำให้เด็กๆ ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีมาตั้งแต่แรกขาดทักษะของการรอบคอบและคิดตริตรองสิ่งต่างๆ ไป เพราะเพียงแค่เขาคลิกทุกอย่างที่ต้องการก็มาอยู่ตรงหน้าแบบที่ไม่ต้องออกแรงมากแล้ว และจากความรวดเร็วของเทคโนโลยีทำให้เขาไม่รีรอที่จะรีบทำทุกอย่างให้รวดเร็วไปตามๆ กัน

ปัญหาสุขภาพ

เด็กๆ ยังมีทั้งร่างกายและอารมณ์ที่ไม่แข็งแรงมากนัก โดยเฉพาะกับอวัยวะต่างๆ ของร่างกายเริ่มจากการเคลื่อนไหวที่น้อยลงอาจทำให้พวกเขาเผชิญกับความอ้วนตั้งแต่ยังเด็กและยังรู้สึกเฉื่อยชาเมื่อต้องทำกิจกรรมอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้สายตาของเขาก็อาจจะเจอกับแสงสีฟ้าจากหน้าจอเยอะจนไปทำลายสายตาและระบบการมองเห็นของเขาได้อีกด้วย

หลงลืมใส่ใจสังคมรอบตัว

เทคโนโลยีสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกจนชินและทำให้เขาละเลยและลืมไปว่ายังมีชีวิตจริงและสังคมรอบตัวให้เขาได้เรียนรู้และใช้ชีวิตอยู่ และเมื่อโตขึ้นสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เขามีปัญหาเมื่อต้องทำงานเป็นทีมและมีการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ จนอาจจะเกิดเป็นภาวะต่อต้านสังคมเลยก็เป็นได้

ต่อไปหลังจากอ่านข้อดีข้อเสียจบกันไปแล้วก็คงถึงคิวของคุณพ่อคุณแม่ที่จะเป็นคนตัดสินใจเพิ่มเติมเทคโนโลยีเขาไปในชีวิตของลูกอย่างเหมาะสมเพื่อให้เขาได้รับพลังด้านบวกจากเทคโนโลยีและทำให้เขาเติบโตไปอย่างมีคุณภาพในเวลาเดียวกัน

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP