ในเมื่อปัจจุบันการอ่านหนังสือในตำราเป็นเล่มๆ หรือการเรียนการสอนในห้องเรียนมันไม่เพียงพอและยังไม่รวดเร็วที่จะทำให้เด็กๆ ทันโลกทันเหตุการณ์ได้และก็มีสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีที่คอยพัฒนาอยู่ทุกมันและเข้ามาเป็นตัวช่วยในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
แต่ก็มีข่าวคราวหลากหลายแง่มุมทั้งในมุมที่ดีและไม่ดีของเทคโนโลยี แล้วถ้าเป็นแบบนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรจะมีวิธีรับมือกับเทคโนโลยีที่ทั้งจำเป็นและอาจส่งผลเสียกับลูกในเวลาเดียวกันอย่างไรดี ก่อนอื่นสิ่งที่จะแนะนำกันในวันนี้ก็คือให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองมองข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยีอย่างแท้จริงกันก่อนแล้วค่อยลองไปตัดสินใจหาวิธีการเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับลูกของคุณกัน
ข้อดีของการเลี้ยงลูกควบคู่ไปกับเทคโนโลยี
ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และก็ทำให้หาข้อมูลเรียนรู้ได้ทันที
เทคโนโลยีรวมทั้งความรวดเร็ว กว้างขวาง และลึกซึ้งขององค์ความรู้ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันซึ่งเป็นผลดีกับความอยากรู้อยากเห็นข้อมูลต่างๆ ทำให้สามารถไขข้อสงสัยให้กับเด็กๆ ได้ทันที แต่ขอบเขตการใช้งานที่เหมาะสมนั้นมีข้อแนะนำว่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี นั้นยังไม่ควรใช้สมาร์ตโฟนแทปเล็ต โทรทัศน์ใดๆ มากนักและหากจำเป็นจริงๆ ก็ควรเป็นเด็กที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไปแต่ควรอยู่ในการควบคุมดูแลของผู้ปกครองตลอดเวลาอีกด้วย
ถือเป็นการเตรียมพร้อมให้เด็กทำงานในอนาคต
เป็นที่รู้กันดีและปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าในตอนนี้การทำงานในแทบจะทุกอย่างมีเทคโนโลยีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้นทำให้ถ้าเด็กๆ ได้เรียนรู้การใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ เอาไว้ตั้งแต่เด็กเมื่อโตขึ้นและต้องเข้าสู่ตลาดการทำงานอย่างจริงจังก็จะมีความสามารถที่จะปรับตัวและเข้าใจเทคโนโลยีได้อย่างง่ายดายนั่นเอง
ทำให้มีโอกาสได้พบปะผู้คนมากขึ้น
เทคโนโลยีคือสิ่งที่สามารถเชื่อมโลกได้อย่างแท้จริงไม่มีข้อจำกัดว่าคุณจะอยู่ที่ไหนเพราะมันสามารถพาคุณไปได้ทันทีที่ต้องการ อย่างที่ทุกวันนี้แทบทุกคนจะต้องมีก็คือสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัวที่ทำให้คุณได้เข้าไปพบปะกับกลุ่มคนที่เป็นเพื่อนและยังได้พบกับกลุ่มคนที่มีความชอบในสิ่งต่างๆ ที่คล้ายกันด้วย แต่อย่างไรก็ตามคุณพ่อคุณแม่ต้องตระหนักและรู้เท่าทันเทคโนโลยีและลูกเสมอว่าลูกยังไม่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจที่ดีพอเมื่อเจอกับสถานการณ์อันตรายในสื่อออนไลน์เขาอาจจะหลงกลได้ง่ายๆ
เกมมีส่วนช่วยในกระบวนการคิดและพัฒนาการตัดสินใจ
ทุกอย่างมีแง่ดีเสมอเกมเองก็เช่นกันหากลูกของคุณได้เล่นมันอย่างถูกวิธีและเหมาะสมเพราะความสนุกคือแรงจูงใจในการเรียนรู้ที่ดีถึงดีที่สุดเลยทีเดียว และยังมีกลยุทธ์ รางวัล และการแข่งขันต่างๆ มาดึงดูดทำให้ลูกได้คิดต่อยอดมากขึ้นอีกด้วย แต่ก็ยังมีสิ่งที่ควรระวังนั่นก็คือในเรื่องของการยับยั้งอารมณ์ต่างๆ ของลูกนั่นเองเพราะบางครั้งเมื่อเขาแพ้หรือล้มเหลวในเกมอาจจะส่งผลเครียดมาในชีวิตจริงก็เป็นได้
ข้อเสียของการเลี้ยงลูกควบคู่ไปกับเทคโนโลยี
ทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไป
แน่นอนว่าการใช้เทคโนโลยีบางประเภทมีความจำเป็นที่จะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ลงไปเพื่อที่จะดำเนินการและในบางครั้งบุคคลที่ไม่หวังดีกลับสามารถบุกรุกข้อมูลเหล่านี้ของลูกคุณและนำไปใช้ในทางที่ผิดรวมทั้งเด็กๆ เองก็ยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอที่จะคิดให้รอบคอบและสังเกตในสิ่งที่ควรระวัง ดังนั้น นี่อาจจะทำให้เทคโนโลยีเข้ามารุกล้ำความเป็นส่วนตัวของคุณและยังทำให้เด็กๆ อาจมีอันตรายทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้อีกด้วย
กลายเป็นคนไม่รอบคอบ
ด้วยความง่าย ความเร็ว ทำให้เด็กๆ ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีมาตั้งแต่แรกขาดทักษะของการรอบคอบและคิดตริตรองสิ่งต่างๆ ไป เพราะเพียงแค่เขาคลิกทุกอย่างที่ต้องการก็มาอยู่ตรงหน้าแบบที่ไม่ต้องออกแรงมากแล้ว และจากความรวดเร็วของเทคโนโลยีทำให้เขาไม่รีรอที่จะรีบทำทุกอย่างให้รวดเร็วไปตามๆ กัน
ปัญหาสุขภาพ
เด็กๆ ยังมีทั้งร่างกายและอารมณ์ที่ไม่แข็งแรงมากนัก โดยเฉพาะกับอวัยวะต่างๆ ของร่างกายเริ่มจากการเคลื่อนไหวที่น้อยลงอาจทำให้พวกเขาเผชิญกับความอ้วนตั้งแต่ยังเด็กและยังรู้สึกเฉื่อยชาเมื่อต้องทำกิจกรรมอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้สายตาของเขาก็อาจจะเจอกับแสงสีฟ้าจากหน้าจอเยอะจนไปทำลายสายตาและระบบการมองเห็นของเขาได้อีกด้วย
หลงลืมใส่ใจสังคมรอบตัว
เทคโนโลยีสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกจนชินและทำให้เขาละเลยและลืมไปว่ายังมีชีวิตจริงและสังคมรอบตัวให้เขาได้เรียนรู้และใช้ชีวิตอยู่ และเมื่อโตขึ้นสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เขามีปัญหาเมื่อต้องทำงานเป็นทีมและมีการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ จนอาจจะเกิดเป็นภาวะต่อต้านสังคมเลยก็เป็นได้
ต่อไปหลังจากอ่านข้อดีข้อเสียจบกันไปแล้วก็คงถึงคิวของคุณพ่อคุณแม่ที่จะเป็นคนตัดสินใจเพิ่มเติมเทคโนโลยีเขาไปในชีวิตของลูกอย่างเหมาะสมเพื่อให้เขาได้รับพลังด้านบวกจากเทคโนโลยีและทำให้เขาเติบโตไปอย่างมีคุณภาพในเวลาเดียวกัน