ทำอย่างไรเมื่อสงสัยว่าลูกถูกรังแก

การเลี้ยงลูกวัย 6 ขวบขึ้นไป
JESSIE MUM

ถ้าบังเอิญมีวันหนึ่งที่ลูกของคุณกลับมาที่บ้านแล้วดูมีอาการแปลกไป ถ้าได้ลองถามถึงกิจกรรมว่าไปทำอะไรที่เหนื่อยล้ามาหรือไม่แล้วคำตอบก็คือไม่ แถมยังมีอาการซึมๆ สภาพร่างกายดูอ่อนเพลีย รวมไปถึงในบางครั้งอาจจะมีเสื้อผ้าขาดบ้าง ข้าวของอุปกรณ์การเรียนอาจจะพังหรือหายไปและหน้าตาดูแปลกไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเชื่อลูกได้ทั้งหมดคุณต้องสังเกตอาการต่างๆ ของลูกให้ดีเพราะมันอาจจะเป็นการที่ลูกถูกรังแกมาจากโรงเรียนหรือนอกบ้านก็เป็นได้

และเหตุผลที่ลูกไม่บอกหลักๆ แล้วนั้นเด็กๆ อาจจะเกิดความกลัวนั่นเอง กลัวคนที่มาทำร้ายว่าถ้าบอกไปแล้วจะมีปัญหาไปยิ่งกว่าเดิมหรือไม่นั่นเองซึ่งถ้าดำเนินมาจนถึงตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ควรเร่งเข้าไปปกป้องลูกของคุณกันได้แล้ว

แต่ก็คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องตกใจไปเพราะปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่มีมานานและแม้สังคมต้องการแก้ไขขนาดไหนทุกอย่างก็ดูจะยังไม่สำเร็จดังนั้นทางที่ดีที่สุดนั่นก็คือเริ่มป้องกันที่ลูกของพวกคุณกันก่อนดีกว่าให้มีภูมิต้านทานและสามารถเอาตัวรอดกับเรื่องเหล่านี้ได้

วิธีรับมือกับปัญหาลูกถูกรังแก

1.พูดคุยกับลูกด้วยความเข้าใจ

อาจจะเริ่มจากการตั้งคำถามด้วยความใจเย็น ไม่คาดคั้นและค่อยๆ ถามไปเรื่อยๆ เพื่อถ้าบ้างจุดอาจจะไปโดนจุดที่ลูกยังกลัวที่จะตอบเราก็อาจจะค่อยๆ อ้อมถามเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อให้ลูกเกิดความอุ่นใจว่าคุณพ่อคุณแม่มีความเข้าใจเขาอย่างจริงใจและสามารถไว้ใจคุณได้นั่นเอง
ตัวอย่างคำถามเช่น มีใครที่โรงเรียนรังแกลูกหรือเปล่า, ลูกมีเพื่อนสนิทที่โรงเรียนบ้างไหม เขาเป็นใคร, มีใครที่โรงเรียนที่ลูกไม่ชอบบ้าง ทำไมถึงไม่ชอบเขา เขารังแกหนูหรือเปล่า เป็นต้น

2.เข้าไปสอบถามพูดคุยกับคุณครูและอาจารย์

เข้าไปสอบถามเพื่อจะได้เห็นสภาพแวดล้อมจริงและเข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่คุณครูมักจะรู้เห็นรายละเอียดที่โรงเรียนได้ดีกว่าเราเสมอ อาจจะถามถึงความสัมพันธ์ของลูกกับเพื่อนๆ และคนรอบตัว สอบถามถึงการใช้เวลาว่างของลูกที่โรงเรียนว่ามีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้างหรือลูกมีความสนใจอยากจะทำกิจกรรมใดบ้าง และอย่าลืมที่จะเล่าถึงความสงสัยที่คิดว่าลูกอาจจะถูกรังแกพร้อมทั้งบอกถึงเหตุผลต่างๆ ให้คุณครูได้รับทราบเอาไว้อีกด้วย

สิ่งที่ควรทำเมื่อรับรู้ว่าลูกถูกรังแก

แสดงความเห็นอกเห็นใจลูก

กว่าที่เด็กๆ จะมีความกล้าเล่าให้คุณฟังนั้นต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างมากเพราะเด็กๆ กลัวการถูกมองว่าเป็นคนขี้ฟ้อง ดังนั้นถ้าเขากล้าที่จะเอ่ยปากเล่าออกมาแล้วนั้นคุณควรแสดงให้เขาเห็นว่าคุณดีใจที่เขากล้าเล่าและมีความเห็นใจเขาเป็นอย่างมาก เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับลูกของคุณได้

ไม่สอนให้ลูกโต้ตอบโดยใช้กำลัง

ถ้าจะสอนให้ต่อยคืนคุณควรหันมาสอนให้คุมสติได้จะดีกว่า เพื่อที่จะเป็นการสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูกตั้งแต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่าการคุมสติมันมีผลดีอย่างไรแน่นอนว่าเขาก็จะยึดถือทำสิ่งเหล่านี้ไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

แจ้งข่าวกับทางโรงเรียนไว้

ให้คุณครูช่วยดูแลเป็นพิเศษเมื่อคุณพบแล้วว่าลูกถูกรังแกจริงๆ เพื่อให้คุณครูช่วยสังเกตพร้อมทั้งสั่งสอนคนที่มาแกล้งลูกอย่างถูกต้องเหมาะสมไม่ทำอะไรที่เกินเหตุเกินอารมณ์จนเกินไปนั่นเอง

สร้างความมั่นใจให้กับลูก

ช่วยสนับสนุนลูกให้เขาหันหน้าไปหากิจกรรมที่เขาชอบกันดีกว่าเพื่อเป็นการส่งเสริมและเติมเต็มช่องว่างในจิตใจของเขา เมื่อเขาได้เจอกับกิจกรรมที่ใช่แล้วนั้นก็จะไปสนใจกับสิ่งเหล่านั้นไม่เอาตัวมาผูกติดอยู่กับการกลัวการโดนกลั่นแกล้งนั่นเอง

พาลูกไปพบปะเจอสังคมและเพื่อนใหม่ๆ

อาจจะเป็นผลมาจากข้อข้างบนที่พาลูกไปทำกิจกรรมต่างๆ ก็จะทำให้ลูกได้เจอสังคมใหม่ๆ และนี่อาจจะเป็นตัวช่วยเสริมความมั่นใจและพัฒนาการทักษะด้านการเข้าสังคมที่ดีให้กับลูกได้อีกด้วย

แน่นอนว่าเมื่อคุณพ่อคุณแม่ได้มีโอกาสรับรู้ว่าลูกของตนเองถูกกลั่นแกล้งนั้นยอมมีความวิตกกังวลต่างๆ ตามมาอย่างมากมายแน่นอน แต่สิ่งที่คุณควรมีไว้เสมอนั่นก็คือสติและเหตุผลเพื่อที่จะสามารถเข้าใจว่ามันเป็นวัยและธรรมชาติของเด็กๆ แต่ในความเข้าใจนั้นคุณก็ยังสามารถเข้าไปปกป้องเขาในขอบเขตที่ถูกต้องและเหมาะสมได้อีกด้วย

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP