พอดำเนินมาถึงช่วงวัยประมาณ 3 ขวบขึ้นไปคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องก้าวเข้าสู่ช่วงการพาลูกไปโรงเรียนซึ่งยังเป็นปัญหาของหลายๆ ครอบครัวที่ยังไม่มีวิธีรับมือกับความงอแงและความไม่อยากไปโรงเรียนของลูก
แน่นอนเลยว่าเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวมากทีเดียว
จะทำอย่างไรดีให้ปัญหาเหล่านี้เบาบางลงหรือสามารถหมดไปได้ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเตรียมความพร้อมรอบด้านให้กับลูกก่อนที่จะพาเขาไปโรงเรียนวันแรกกัน
เตรียมความพร้อมด้านจิตใจ
เริ่มจากการพูดถึงโรงเรียนในแง่บอกเข้าไว้ เช่น โรงเรียนสวย โรงเรียนสนุก ไปแล้วเจอเพื่อนๆ ได้เล่นและมีกิจกรรมที่รอให้ลูกไปเรียนรู้อยู่ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าพูดอะไรที่เว่อร์จนเกินไปเพราะถ้าลูกเกิดความคาดหวังแล้วไม่ได้อาจจะทำให้เกิดอาการไม่อยากไปโรงเรียนขึ้นมาในภายหลังได้
นอกจากแง่บวกในเรื่องของโรงเรียนแล้วยังต้องเพิ่มความคิดบวกให้กับตัวของลูกด้วย เช่น พ่อแม่จะภูมิใจในตัวลูกมากถ้าลูกไปโรงเรียน ได้เรียนรู้ ได้ทำกิจกรรม ได้มีเพื่อน พ่อแม่อยากที่จะคอยสอนการบ้านและสนุกไปกับการได้ฟังคำบอกเล่าถึงโรงเรียนจากลูก สิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังบวกที่ทำให้ลูกมีความรู้สึกอยากจะไปโรงเรียนมากขึ้นได้
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปโรงเรียนวันแรกคุณพ่อคุณแม่ควรไปส่งลูกด้วยตัวเองและสร้างความมั่นใจให้กับลูกด้วยว่าไม่ได้ทิ้งไปไหนเพียงแค่มาส่งไว้ที่โรงเรียนแล้วตอนเย็นจะรีบมารับลูกอย่างแน่นอนหรือถ้าจะให้ดีก่อนถึงวันแรกที่เปิดเทอมคุณพ่อคุณแม่อาจจะพาลูกแวะไปเดินเล่นทำความคุ้นเคยกับโรงเรียน ห้องเรียน สถานที่ต่างๆ ภายในโรงเรียนก่อนก็ได้ จะได้สร้างความคุ้นเคยให้ลูกลูกไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นเอง
เตรียมความพร้อมด้านร่างกาย
เวลาอยู่ที่บ้านด้วยลูกก็มักจะได้รับการดูแลทุกด้านอยู่เสมอและเมื่อต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกที่โรงเรียนคนเดียวแล้วนั้นอาจจะทำอะไรเองไม่เป็น จุดนี้อาจจะส่งผลต่อความมั่นใจของลูกได้ ทำให้เสียความมั่นใจที่ทำอะไรไม่เป็น หรือเห็นเพื่อนๆ ทำแล้วทำไม่ได้ทำไม่เป็น อาจทำให้ในวันต่อๆ ไป เจาอาจะเกิดความไม่อยากไปโรงเรียนก็เป็นได้
ดังนั้นนี่จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องมาเตรียมความพร้อมให้ลูกทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็น การใส่เสื้อผ้าเอง ทานข้าวเอง เข้าห้องน้ำเอง เป็นต้น
และเมื่อไปโรงเรียนแล้วก็มักจะมีกิจกรรมฝึกทักษะต่างๆ ให้ลูกได้ทำ ผู้ปกครองจึงควรฝึกทักษะเบื้องต้นให้กับลูกก่อน เช่น การจับดินสอ การระบายสี การท่องเลข 0-10, A-Z, ก-ฮ เป็นต้น
ควรเตรียมความพร้อมให้ครอบคลุมไปถึงการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ การรู้จักเข้าสังคม และไม่กลัวการเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ อย่าลืมสอนลูกให้รู้จักกับการแบ่งปัน การรอคอย เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขนั่นเอง และสิ่งที่สำคัญที่สุดเด็กๆ มักจะเกิดความเครียดเนื่องจากไม่สามารถสื่อสารสิ่งที่ต้องการได้อาจจะเพราะสาเหตุของความไม่คุ้นเคย การไม่รู้ว่าควรบอกอย่างไร ดังนั้น ควรสอนให้รู้จักพูดและบอกในสิ่งที่รู้สึก เช่น ปวดฉี่ ปวดอึ หิว เจ็บ ไม่ชอบ ร้อน หนาว สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ลูกรู้สึกอุ่นใจและสบายใจว่าเขาไม่ต้องอดทนกับความทรมานเหล่านี้เพราะเขาสามารถแจ้งผู้ดูแลได้ว่าต้องการอะไร รู้สึกอย่างไรนั่นเอง
เตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย
แม้การไปโรงเรียนจะเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สุขใจเมื่อได้เห็นลูกไม่งอแงและอยากไปโรงเรียนแต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องระวังนั่นก็คือความปลอดภัยในเรื่องต่างๆ ของลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอันตรายจากคนแปลกหน้า มิจฉาชีพ ที่มักเข้ามาฉวยโอกาสกับความไร้เดียงสาของเด็กๆ เพื่อไปทำในสิ่งที่ไม่ดี แต่ในเมื่อไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดการเตรียมพร้อมป้องกันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรเตรียมให้ลูกไว้
ต้องคอยบอกให้ลูกระวังคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะมาด้วยท่าทางแบบไหน เอาอะไรมาล่อ ก็ต้องสอนให้ลูกนั้นรู้ทันอยู่เสมอ อาจจะมีการบอกโค๊ดลับเอาไว้เพื่อถ้าในกรณีฉุกเฉินจะได้เป็นอีกหนึ่งเกราะป้องกันให้ลูกคิดขึ้นมาทันว่านี่คือความไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้ยังควรสอนให้ลูกได้รู้จักวิธีเอาตัวรอดเมื่อบังเอิญต้องตกไปอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยง เช่น การร้องตะโกน การวิ่ง เป็นต้น
เมื่อเราไม่สามารถอยู่ดูแลลูกได้ตลอดเวลา และก็ไม่ควรฝากความปลอดภัยทั้งหมดไว้ที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว การเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยให้กับลูกถือว่าเป็นสิ่งที่ทำมากที่สุดเลยทีเดียว
หลังจากลูกไปโรงเรียนวันแรกแล้วนั้นถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้เท่านั้น หลังจากที่ลูกกลับมาจากโรงเรียนการส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับลูกก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เพื่อเป็นการคอยตรวจสอบความรู้สึกของลูก เฝ้ามองพัฒนาการ และช่วยให้ลูกพัฒนาไปได้อย่างถูกต้อง นี่คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ยังคงต้องเตรียมพร้อมรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกันต่อไปนั่นเอง