ผ่าคลอดแล้วต้องดูแลตัวเองอย่างไรกันบ้าง

การคลอดลูกนั้นเป็นที่รู้กันดีว่ามีทั้งแบบคลอดธรรมชาติและแบบผ่าคลอดซึ่งวันนี้เราจะขอยกประเด็นการผ่าคลอดมาพูดถึงกันก่อนและจะเน้นไปที่ช่วงหลังจากผ่าคลอดไปเรียบร้อยแล้วว่าคุณแม่ควรจะดูแลตัวเองอย่างไรดีให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็วและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

หากคลอดแล้วก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลในช่วง 2-3 วันนั้นคุณแม่อาจจะไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากเพราะมีทีมแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว แต่หลังจากที่ต้องกลับมาพักฟื้นที่บ้านความเจ็บปวดและเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นนั้นคุณแม่ก็ควรจะเตรียมตัวตั้งรับเอาไว้ให้ดี วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดไม่ยากเลยแล้วจะมีอะไรบ้างมาเริ่มติดตามกันได้เลยค่ะ

มาพักฟื้นหลังผ่าคลอดที่บ้านให้สบายใจกัน

การลุกเดินเป็นสิ่งสำคัญ

เป็นไปได้มากว่าคุณแม่หลังจากที่ผ่าคลอดแล้วนั้นอาจจะไม่ค่อยอยากเดินมากเท่าไรนักเพราะด้วยความเจ็บจากแผลที่ยังอาจจะระบมอยู่นั่นเอง แต่การลุกขึ้นเดินเพื่อเคลื่อนไหวร่างกายนั้นมีส่วนช่วยให้แผลที่ผ่าคลอดสมานตัวกันได้เร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแม้การเคลื่อนไหวจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการสมานแผลในช่วงสัปดาห์แรกนั้นคุณแม่ก็ยังควรที่จะหลีกเลี่ยงการยกของด้วยท่าย่อตัวและโดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าไปยกอะไรที่มีน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักของลูกน้อยเพราะอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แผลผ่าคลอดกระทบกระเทือนได้นั่นเอง

หาผ้ามาพันหน้าท้องกัน

การหาผ้ามารัดหน้าท้องนั้นช่วยคุณแม่ได้มากเลยในเรื่องของการบรรเทาความเจ็บปวดจากแผลผ่าคลอดและยังมีส่วนช่วยในการกระชับบริเวณแผลให้กับคุณแม่อีกด้วย และการใส่ผ้ารัดหน้าท้องนั้นก็สามารถทำกันได้ตั้งแต่ 1 วันหลังคลอดกันเลย

ผ้ารัดหน้าท้องจะช่วยล็อคแผลเอาไว้พร้อมทั้งยังช่วยไม่ให้หน้าท้องโยนตัวเมื่อมีการเคลื่อนไหวซึ่งก็จะสามารถช่วยลดความเจ็บปวดไปได้มากเลยทีเดียว และนอกจากนี้ผ้ารัดหน้าท้องนั้นคุณแม่ยังสามารถใส่ได้ทั้งวันทั้งคืนแม้แต่ตอนนอนก็สามารถใส่ได้เช่นเดียวกัน

โดยปกติแล้วแผลผ่าคลอดจะเริ่มเข้าที่ภายในเวลา 2-3 เดือน ซึ่งผ้ารัดหน้าท้องก็มีส่วนช่วยให้กระบวนการนี้เร็วขึ้นด้วยเพราะมีส่วนที่ทำให้หน้าท้องกระชับ มดลูกกลับเข้าอู่ง่ายนั่นเอง

ดื่มน้ำให้เยอะๆ

น้ำในที่นี้ไม่ได้จำกัดแค่น้ำเปล่าเท่านั้นเพราะคุณแม่สามารถดื่มได้ทั้งน้ำผลไม้และน้ำซุปต่างๆ ด้วยโดยปริมาณที่ควรจะดื่มต่อวันก็ตกอยู่ที่ประมาณ 7-10 แก้วนั่นเอง ซึ่งการดื่มน้ำจะเข้าไปช่วยในเรื่องของการบรรเทาอาการท้องผูกหลังคลอด เพราะส่วนใหญ่แล้วคุณแม่ที่ทำการผ่าคลอดนั้นหลังผ่าจะมีอาการท้องผูกอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์กันเลยทีเดียว สาเหตุก็มาจากลำไส้ยังคืนสภาพได้ช้านั่นเอง และหากต้องเบ่งก็อาจจะไม่เป็นผลดีแน่ๆ การดื่มน้ำเข้าไปจะช่วยให้กากใยต่างๆ อ่อนตัวและขับถ่ายได้คล่องขึ้น

ยาแก้ปวดทานเท่าที่จำเป็น

อย่าคิดว่าปวดทุกครั้งต้องทานยาแก้ปวดทุกครั้งเพราะนั่นคือเรื่องที่ไม่ควรทำมากเท่าไรนัก หากการปวดครั้งไหนคุณแม่พอที่จะอดทนได้ก็ควรจะทนจะถือเป็นการดีที่สุด

งดการมีเพศสัมพันธ์สักพักหนึ่ง

การมีเพศสัมพันธ์หลังผ่าคลอดเร็วเกินไปอาจจะส่งผลให้เกิดอาการติดเชื้อและอาจจะลามไปจนถึงทำให้เกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดกันได้เลยทีเดียวสาเหตุก็มาจากแผลที่มันยังปิดไม่ค่อยสนิทนั่นเอง ดังนั้นจึงควรรอให้ผ่านไปประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้แผลเริ่มเข้าที่ก่อน

อย่าลืมว่าการพักผ่อนคือสิ่งที่ดีที่สุด

ในช่วงเดือนแรกที่ออกจากโรงพยาบาลมาคุณแม่ควรที่จะพักฟื้นร่างกายและพักผ่อนให้มากที่สุดเพื่อที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์นั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของคุณแม่จะเริ่มกลับเข้าที่เข้าทางในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 5-6 หลังจากคลอดและคุณแม่ถึงจะเริ่มค่อยๆ ประคับประคองดูแลตัวเองได้ย่างสมบูรณ์เต็มที่

การผ่าคลอดนั้นอาจจะทิ้งแผลและความเจ็บปวดไว้นานกว่าการคลอดแบบธรรมชาติอยู่บ้างแต่ด้วยความจำเป็นของคุณแม่แต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป ดังนั้นการดูแลตัวเองหลังจากผ่าคลอดนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากเพื่อที่จะทำให้คุณแม่กลับมามีร่างกายที่แข็งแรงรวมทั้งห่างไกลจากความเจ็บปวดต่างๆ ในเวลาอันรวดเร็วนั่นเอง

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP