การฝากครรภ์สำคัญอย่างไร

การตั้งครรภ์
JESSIE MUM

การฝากครรภ์เป็นสิ่งแรกที่คนกำลังจะก้าวไปเป็นแม่ต้องคิดถึงและรีบไปจัดการให้เรียบร้อยตั้งแต่ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์เพราะเป็นเหมือนการไปฝากตัวทั้งแม่และลูกให้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ดูแลอย่างใกล้ชิดและให้คำแนะนำที่ถูกต้องในแต่ละระยะของการตั้งครรภ์ แล้วถ้าอยากจะลงลึกเพื่อให้รู้ถึงทั้งความสำคัญ วิธีการเตรียมตัวไปฝากครรภ์และขั้นตอนการฝากครรภ์ทางเราก็มีรวบรวมไว้ให้คุณแม่มือใหม่ทั้งหมดแล้วข้างล่างนี้

มาเริ่มกันที่ความสำคัญของการฝากครรภ์

  1. คุณแม่จะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมแพทย์ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งครรภ์ไปจนถึงการคลอดเสร็จเรียบร้อยและยังได้รับคำแนะนำและวิธีการเริ่มเลี้ยงลูกอย่างถูกต้องอีกด้วย
  2. คุณแม่จะไม่ต้องมานั่งกังวลและเครียดกับความเปลี่ยนแปลงหรืออาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายเพราะได้รับคำแนะนำและการแจ้งอาการต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากทีมแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง ซึ่งการไม่มีความกังวลและไร้ความเครียดนั้นส่งผลดีกับทั้งสุขภาพของคุณแม่และลูกในครรภ์อีกด้วย
  3. การฝากครรภ์จะมีระยะเวลานัดไปพบแพทย์อยู่เสมอดังนั้นเมื่อคุณแม่มีอาการป่วยหรืออาการแทรกซ้อนใดๆ ที่มีความผิดปกติทางทีมแพทย์ก็จะสามารถรักษาและให้คำแนะนำได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง
  4. การฝากครรภ์นั้นจะทำให้คุณแม่ทราบถึงระยะเวลาในการเติบโตของลูกในครรภ์ในแต่ละขั้นตอนได้เป็นอย่างดีและสามารถเตรียมตัวดูแลทั้งตนเองและลูกได้อย่างถูกต้องอีกด้วย

และช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะไปฝากครรภ์ขอแนะนำว่าทันทีที่ทราบว่ามีการตั้งครรภ์แต่ถ้าเกิดความล่าช้าอย่างไรก็ไม่ควรเกินอายุครรภ์ 3 เดือน หรือประมาณ 12 สัปดาห์นั่นเองเพื่อเป็นผลดีที่สุดกับทั้งตัวคุณแม่และลูกในครรภ์

การเตรียมตัวฝากครรภ์ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

  1. เตรียมประวัติส่วนตัวทั้งในอดีตและปัจจุบันในส่วนของการเกิดโรคร้ายแรงหรือการผ่าตัดว่าเคยทำการผ่าตัดในส่วนใดบ้างหรือไม่
  2. เตรียมประวัติของคนในครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับเรื่องของโรคประจำตัวต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด วัณโรค เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงทางกรรมพันธุ์
  3. เตรียมประวัติในการเป็นประจำเดือนรอบล่าสุดเพื่อที่ทีมแพทย์จะนำมาคำนวณถึงกำหนดการคลอดในขั้นตอนต่อไป
  4. และหากคุณเคยมีลูกมาก่อนแล้วก็ให้เตรียมประวัติเกี่ยวกับน้ำหนักของลูก การคลอดเป็นไปอย่างง่ายดายหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดทางทีมแพทย์ก็จะนำว่ามาวิเคราะห์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกันต่อ

เมื่อถึงวันฝากครรภ์จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

เริ่มที่การชั่งน้ำหนักตัวคุณแม่

การชั่งน้ำหนักอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่มีความสำคัญมากเลยทีเดียวเพราะจะช่วยทำให้เห็นถึงการเติบโตของลูกในครรภ์และหากมีน้ำหนักที่มากหรือน้อยจนเกินไปจะได้เป็นแนวทางในการตรวจหาโรคแทรกซ้อนกันต่อไป

วัดส่วนสูง

วัดเพื่อประเมินว่าจะมีการคลอดยากหรือไม่ถ้าคุณแม่ที่มีส่วนสูงไม่มากนักอาจจะมีอุ้งเชิงกรานที่เล็กทำให้มีผลกับการคลอดลูกได้นั่นเอง เมื่อทราบแล้วทางทีมแพทย์จะได้ทำการเตรียมแผนการคลอดเอาไว้

ตรวจอาการบวม

ในส่วนนี้จะทำการตรวจในช่วงประมาณ 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอดเพื่อตรวจหาอาการแทรกซ้อนต่างๆ นั่นเอง

ตรวจเต้านม

เนื่องจากหลังคลอดลูกมีความจำเป็นที่จะต้องกินนมแม่ดังนั้นทีมแพทย์จึงต้องทำการตรวจสอบว่ามีอาการหัวนมบอด หรือมีความผิดปกติในส่วนไหนหรือไม่เพื่อที่จะรักษาและแก้ไขได้ทันเวลา

ตรวจหน้าท้องคุณแม่

ทีมแพทย์จะทำการตรวจในส่วนนี้ทุกครั้งเพื่อตรวจดูถึงการเจริญเติบโตของมดลูกและลูกในครรภ์นั่นเอง และในช่วงเวลาใกล้คลอดการตรวจหน้าท้องจะทำให้ทราบได้ว่าเด็กอยู่ในท่าที่ถูกต้องหรือไม่ เพื่อที่จะวางแผนการคลอดที่ถูกต้องนั่นเอง

การวัดความดัน

การวัดความดันเพื่อที่จะช่วยตรวจสอบอาการแทรกซ้อนต่างๆ รวมทั้งภาวะครรภ์เป็นพิษที่อาจเกิดจากความดันสูงร่วมกับอาการบวมนั่นเอง

ตรวจภายใน

จะมีการตรวจภายในครั้งแรกและก่อนคลอดเพื่อที่จะตรวจว่ามีอาการมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ในครั้งแรกและอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าคุณแม่มีการติดเชื้อใดๆ หรือไม่

ตรวจเลือด

นี่คือสิ่งที่จะต้องทำตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปฝากครรภ์เพื่อที่จะตรวจสอบว่าคุณแม่มีอาการของโรคที่ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์หรือไม่หรือมีโรคอะไรที่อาจเป็นอันตรายกับการตั้งครรภ์หรือไม่อีกด้วย

ตรวจปัสสาวะ

นี่คืออีกอย่างที่จะช่วยตรวจสอบอาการและโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

การตั้งครรภ์นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้คุณแม่หันมารักและใส่ใจตนเองให้มากขึ้นเพื่อที่จะเป็นผลดีกับลูกในครรภ์และแน่นอนว่าทีมแพทย์จะเป็นผู้นำไปยังการตั้งครรภ์ การคลอด และการเลี้ยงลูกให้คุณแม่ได้อย่างถูกวิธีแน่นอนไม่ต้องกังวลหากได้ทำการฝากครรภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เพียงทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเท่านั้นก็เตรียมพบกับลูกน้อยกันได้เลย

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP