ในคุณแม่ตั้งครรภ์บางรายคงจะปฏิเสธไม่ได้แน่นอนว่าไม่รู้สึกกังวลเลยกับอาการใกล้คลอดต่าง ๆ โดยเฉพาะกับคุณแม่มือใหม่หรือท้องแรกซึ่งนอกจากการจะต้องเตรียมตัวในการตั้งครรภ์แล้วยังต้องควรศึกษาการบำรุงร่างกาย อาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสำหรับคนท้องซึ่งทั้งหมดล้วนมีผลในทางที่ดีทำให้คุณแม่และทารกปลอดภัยไม่มีภาวะแทรกซ้อน และหลังคลอดคุณแม่ก็ยังฟื้นตัวได้เร็วอีกด้วย
สารบัญ
สัญญาณเตือนต่าง ๆ ของอาการใกล้คลอด
สัญญาณเตือนก่อนคลอด
รู้สึกหน่วงที่ท้องน้อย
สัญญาณของอาการเจ็บท้องเตือนโดยมดลูกจะขยายตัวเต็มที่และเริ่มเคลื่อนตัวลง คุณแม่บางรายอาจจะรู้หน่วงเพียงชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้นมักจะเกิดในช่วงครรภ์ 8 เดือน และจะรู้สึกว่าจะมีท้องแข็งเป็นระยะซึ่งเกิดจากมดลูกเริ่มบีบตัว และมดลูกเตรียมที่จะเปิดโดยคุณแม่บางรายก็เริ่มเปิดแล้ว
เริ่มหายใจไม่เต็มปอด
ลูกเริ่มกลับหัวในช่วงนี้ จะทำให้คุณแม่ไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดหรือรู้สึกหายใจได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งลักษณะนี้จะเรียกกันว่าท้องลดอาจจะสังเกตได้ด้วยตัวเองหรือบุคคลรอบข้าง โดยหัวลูกจะเริ่มเข้าไปอยู่ในอุ้งเชิงกราน และยังไปเบียดกับกระเพาะปัสสาวะทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย สำหรับอาการเหล่านี้มักจะเป็นสัญญาณก่อนคลอด 1 เดือน
มีมูกขาวข้นออกมาทางช่องคลอด
ในช่วงนี้เริ่มจะมีมูกขาวข้นออกจากทางช่องคลอดเนื่องจากมดลูกเริ่มบีบตัว และมูกที่ออกมาจะมีลักษณะเป็นสีขาวและเหนียวข้น โดยจะเป็นสัญญาณที่เตอนให้คุณแม่รู้ว่าอาจจะเริ่มปวดท้องคลอดเวลาไหนก็ในระยะ 1-2 สัปดาห์ก่อนคลอด ซึ่งจะเป็นการบีบตัวถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงเวลาใกล้คลอด
สัญญาณเตือนของอาการใกล้คลอด
จะเป็นอาการคุณแม่ใกล้คลอดจริง ๆ ซึ่งคุณแม่แต่ละคนอาจจะมีอาการที่แตกต่างกันโดยจะเป็นหน้าที่ของคุณแม่ในการสังเกตว่าเป็นอาการปวดท้องเตือน หรือเป็นการปวดคลอดจริงและคุณแม่จะต้องเตรียมรับมือให้ได้
มีมูกเลือดที่ช่องคลอด (บางราย)
ปากมดลูกคุณแม่ใกล้คลอดบางรายจะมีมูกเลือด หรือบางรายก็ไม่มีถึงแม้ว่าปากมดลูกจะเริ่มเปิดและขยายขึ้นจนเส้นเลือดในบริเวณปากมดลูกมีการแตกซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มีมูกเลือดไหลออกมา ไม่ว่าจะปวดท้องหรือไม่ปวดก็ตาม
น้ำเดิน
กรณีที่ถุงน้ำคร่ำแตก หรือน้ำเดินซึ่งจริง ๆ แล้วเกิดจากการหดตัวของมดลูกจนทำให้มีน้ำที่มีลักษณะขาวขุ่นหลายออกมาพร้อมกับกลิ่น บางครั้งคุณแม่ก็ไม่รู้ตัวโดยจะมีโอกาสมากถึง 80% ที่จะคลอดได้ภายใน 12 ชั่วโมงจึงจำเป็นต้องรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
เจ็บท้องรุนแรง
ในกรณีที่เจ็บท้องคลอด จะเริ่มมีอาการเจ็บท้องอย่างรุนแรงและมากขึ้นจากระยะห่าง 30 นาทีจนปวดถี่ขึ้นไม่ถึง 5 นาที ซึ่งขณะปวดจะรู้สึกได้เลยว่าท้องคุณแม่จะแข็งมากและจะปวดร้าวไปถึงหลังและสะโพก และจะปวดแบบนี้จนกว่าจะคลอดเสร็จ
ข้อสังเกตสำหรับคุณแม่ที่เจ็บท้องเตือน
- จะมีอาการคล้ายปวดประจำเดือนแต่ไม่มีมูกเลือด
- มดลูกจะเริ่มบีบตัวแบบแต่จับสัญญาณไม่ค่อยได้ หรือเป็น ๆ หาย ๆ
- หากคุณแม่เปลี่ยนท่าทาง หรือได้นอน อาการมดลูกบีบรัดจะหายไป
ข้อสังเกตสำหรับคุณแม่ที่มีอาการเจ็บท้องคลอด
- หากยิ่งใกล้คลอดมดลูกจะยิ่งบีบรัดตัวและห่างกันประมาณครั้งละ 5-20 นาที
- การเปลี่ยนท่าทาง จะยังปวดท้องหนักไม่บรรเทาลงเหมือนการปวดเตือน
- จะปวดส่วนบนของมดลูกและขยายไปบริเวณหลังและท้องส่วนล่าง
- ท้องจะแข็งทั่วทั้งท้องและเท่ากัน ยิ่งใกล้คลอดจะแข็งไม่คลายตัวลงเลย
- ปากมดลูกเริ่มเปิดขยายตั้งแต่ 8-10 เซนติเมตร
วิธีการบรรเทาอาการปวดท้องใกล้คลอด มีดังนี้
หายใจช้า ๆ ทางจมูกหรือปาก
การหายใจแบบช้า ๆ ทางจมูกหรือปากก็ได้ให้ลึกและค่อยหายใจออกทางจมูกหรือปากเหมือนเดิมจะช่วยบรรเทาอาการใกล้คลอดปวดท้องที่เกิดจากมดลูกบีบรัดตัว โดยทำ 6-9 ครั้งต่อนาที
หายใจช้าสลับเร็ว
การหายใจเข้าออกแบบช้า ๆ 1-2 ครั้ง สลับกับการหายใจแบบเร็วและตื้น 1-2 ครั้งภายใน 1 นาทีจะได้ประมาณ 24-32 ครั้ง เป็นการช่วยบรรเทาอาการปวดท้องคลอดอย่างรุนแรงจะช่วยให้ทุเลาลงได้บ้าง
หายใจถี่ ๆ เป่าลมยาว ๆ
อีกวิธีกับการหายใจแบบหอบถี่ ๆ สลับกับการเป่าลมออกยาว ๆ การหายใจแบบนี้จะใช้ในกรณีที่มีอาการปวดท้องคลอดอย่างรุนแรงมาก จนเริ่มจะปวดเบ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องการคลอดแบบธรรมชาติ
สำหรับอาการใกล้คลอดที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนมักกังวลเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าบางคนจะผ่านการตั้งครรภ์มาแล้วหรือบางรายก็เคยพบกกับช่วงเวลาใกล้คลอดท้องแข็งบ่อยแต่ไม่ปวดก็ยังต้องเก็บข้อมูลสำหรับการเตรียมตัวและรับมือกับอาการปวดในแต่ละช่วงไปจนถึงช่วงเวลาของการเข้าห้องคลอด จะทำให้คุณแม่ผ่านไปได้ด้วยดีโดยที่ไม่รู้สึกกังวลใด ๆ