ลูกขาโก่ง แบบไหนปกติ แบบไหนต้องพบแพทย์

พัฒนาการเด็กและสุขภาพลูกวัย 0-1 ขวบ

เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีข่าวว่าผู้ที่เลี้ยงดูทารกรายหนึ่งเป็นห่วงกลัวว่าเด็กจะขาโก่ง เจตนาดีจึงดัดขาน้องเป็นเหตุให้ขาน้องหัก เรื่อง “ขาโก่ง” นี้ ผู้เขียนก็ได้ยินมาบ่อยมากเรื่องต้องดัดขาตั้งแต่น้องยังเล็ก ๆ และรวมไปถึงเรื่องความเชื่อต่าง ๆ ที่ว่า “ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปมาก ๆ ขาจะโก่ง” หรือ “อุ้มเข้าเอวขาจะโก่ง” แต่เราจะรู้ได้อย่างไร? วันนี้ผู้เขียนมีข้อมูลและวิธีทดสอบมากฝากค่ะ

ลูกขาโก่ง

ขาโก่ง” มี 2 แบบ คือ ขาโก่งแบบธรรมชาติ และ ขาโก่งแบบผิดปกติ เอ…แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเราปกติหรือผิดปกติ ไปดูวิธีสังเกตกันเลยค่ะ

ขาโก่งแบบปกติ

หากดูตามรูปด้านบนจะเป็นพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัยที่นับเป็นเรื่องปกติ และจะหายเองได้ตามธรรมชาติ

  • ภาพ A คือ ภาพขาของทารก (Infant) ที่มีลักษณะช่วงเข่าห่างกัน แต่ข้อเท้าชิด ซึ่งเป็นลักษณะของทารกทั่วไปที่เพิ่งคลอด เป็นไปได้ว่าทารกขดตัวอยู่ในท้องคุณแม่ซึ่งมีลักษณะกลมๆ มาเป็นระยะเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้ขาโก่ง
  • ภาพ B คือ ภาพขาปกติของเด็กที่มีอายุขวบครึ่ง ขาจะเริ่มยาวขึ้นและยืดตรงมากขึ้น
  • ภาพ C คือ ภาพขาปกติของเด็กที่มีอายุ 3 ขวบครึ่ง
  • ภาพ D คือ ภาพขาปกติของเด็กที่มีอายุ 7 ขวบ ซึ่งโครงสร้างจะเริ่มเป็นเหมือนผู้ใหญ่มากขึ้น

ขาโก่งแบบผิดธรรมชาติ

ลักษณะขาโก่งนับเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่วิธีสังเกตว่าลูกเราขาโก่งผิดปกติหรือไม่นั้น ให้ดูว่าถ้าอายุ 2 ขวบแล้ว ขายังคงเหมือนรูป A ด้านบนอยู่ หรือหากอายุได้ 3 ขวบแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าขาตรงให้คุณแม่รีบไปปรึกษาคุณหมอทันทีค่ะ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ปัญหาด้านสุขภาพจะถามหา เช่น ปวดข้อเข่า และทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็ว

สาเหตุของโรคขาโก่งผิดปกติ

  • เกิดจากเนื้อกระดูกที่ผิดปกติ หรือ
  • เป็นอาการแสดงหนึ่งของกลุ่มโรคกระดูกอ่อน ข้อเข่าเสื่อม หรือ
  • เกิดจากความผิดปกติของข้อสะโพก

วิธีทดสอบว่าลูกขาโก่งผิดปกติหรือไม่

หากคุณแม่พิจารณาจากอายุแล้ว ดูว่าลูกน่าจะขาตรงตามปกติ แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยืดตรงตามอายุที่ควรจะเป็นซักที ให้คุณแม่ลองทดสอบตามนี้ดูนะคะ

  1. จับลูกนอนเหยียดกับพื้นราบ จับขาให้ตรง และจับข้อเท้าให้ชิดกัน
  2. จับเข้าโดยให้กระดูกสะบ้าทั้ง 2 ข้างหันตรงมาทางด้านหน้า
  3. วัดระยะระหว่างด้านในของหัวเข่าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งไม่ควรห่างกันเกิน 8 ซม.
  4. ถ้ามากเกินกว่า 8 ซม. มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าลูกจะมีอาการขาโก่งแบบผิดปกติจริง หากลูกของคุณแม่มีอายุมากกว่า 2 ขวบแล้ว ยังคงมีอาการเหล่านี้อยู่ ควรพาไปปรึกษาคุณหมอค่ะ
  5. ในวัยเตาะแตะหรือวัยหัดเดิน ให้คุณแม่สังเกตการเดินของลูกน้อยด้วยนะคะ ว่าเค้าเดินสะดวกดีหรือเปล่า หรือเดินกระเผลก หรือมีอาการเท้าปุกร่วมด้วย หากพบอาการดังกล่าว ควรไปปรึกษาคุณหมอเช่นกันค่ะ
  6. สำหรับเด็กที่มีอายุไม่เกิน 2 ขวบ แต่ก็ยังเดินได้สะดวก เท้าอาจจะโก่ง คุณแม่ดูแล้วไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย ให้คิดว่าเป็นธรรมชาติของเด็กนะคะ อย่าวิตกกังวลมากเกินไป ค่อยๆ สังเกตอาการไปก่อนค่ะ

วิธีการรักษาเด็กที่มีอาการขาโก่งผิดปกติ

สำหรับเด็กที่มีลักษณะขาโก่งผิดปกติ ไม่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ คุณหมอจะใช้วิธีการรักษาด้วยการ “ผ่าตัด” โดยตัดแต่งกระดูกให้ตรง ใส่เฝือกขารอให้กระดูกติด ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลมากที่สุด โดยเฉพาะหากเป็นเด็กที่อายุน้อย ๆ การผ่าตัดจะรักษาหายได้ดีกว่าเด็กโตๆ เพราะกระดูกจะติดเร็ว

หลังผ่าตัด คุณหมอจะใส่เฝือกให้ประมาณ 1-2 เดือน จากนั้นจะทำการฝึกกายภาพให้เด็กได้หัด ยืน เดิน และออกกำลังกายเบาๆ เพื่อฟื้นความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อเป็นลำดับ

ขาโก่งแค่ไหน ต้องไปพบแพทย์

ภาวะขาโก่งในเด็กส่วนใหญ่แล้วจะเป็นภาวะที่ลูกสามารถหายได้เองเมื่อโตขึ้น แต่ก็มีเด็ก ๆ บางรายที่แม้ว่าอายุเข้า 2 ขวบแล้ว อาการขาโก่งก็ดูจะมีทุเลาลง และไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นปกติ ซึ่งมีวิธีการสังเกตง่าย ๆ ดังนี้

  • จับขาลูกให้เหยียดตรง ให้ตาตุ่มด้านในอยู่ชิดกันให้มากที่สุด
  • แล้วสังเกตด้านในของข้อเข่าว่ามีความห่างกันเกิน 5 ซม. หรือไม่

นอกจากนี้ยังควรสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่าในขณะที่ลูกเดินนั้น ลักษณะของขาห่างกัน หรือโค้งออกจากกันจนผิดปกติหรือเปล่า โดยเวลาที่ลูกยืนหรือเดินจะหมุนขาเข้าด้านใน หรือเดินกระแผลกหรือไม่ ถ้ามีความผิดปกติดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ค่ะ

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับขาโก่ง

ขาโก่งเพราะใส่ผ้าอ้อม

รศ. พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน อธิบายว่า
“ความเชื่อที่ว่า การใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจะทำให้เด็กขาโก่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนะคะ เพราะลักษณะขาโก่งเล็กน้อยในเด็กเป็นไปตามธรรมชาติซึ่งจะหายไปเองเมื่อเด็กโตขึ้น แต่หากคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อรับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดได้ค่ะ”

ขาโก่งเพราะอุ้มลูกเข้าเอว

เป็นความเชื่อที่ผิดค่ะ การอุ้มลูกเข้าเอวไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกขาโก่ง ซึ่งความจริงแล้วเป็นการช่วยรักษาภาวะข้อสะโพกเคลื่อนได้อีกด้วย

การดัดขา ช่วยแก้ภาวะลูกขาโก่งได้

ข้อนี้ก็ไม่จริงอีกเช่นกันค่ะ คุณแม่ควรพิจารณาเรื่องของพัฒนาการขาแต่ละช่วงวัยเป็นสำคัญก่อน แล้วถ้าหากสงสัยว่าขาโก่ง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพราะการดัดขาลูกเองอาจทำให้ลูกน้อยเกิดการบาดเจ็บได้

วิธีป้องกันไม่ให้ลูกอยู่ในภาวะขาโก่ง

  1. เริ่มจากการสังเกตก่อน ให้คุณแม่สังเกตว่าเมื่อลูกมีอายุใกล้ 3 ขวบแล้ว ยังมีลักษณะหรืออาการของขาโก่งอยู่หรือเปล่า หากมี แสดงว่ามีอาการผิดปกติแล้วค่ะ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
  2. ทานวิตามินดี วิตามินดีจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ร่างกายสามารถดูซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสไปใช้ ซึ่งจำเป็นมากในการเสิรมสร้างกระดูกลูกให้แข็งแรง วิตามินดีนี้สามารถรับได้จากแสงแดดในช่วงเช้า (ก่อน 09:00 น.) และเน้นให้ลูกทานอาหารจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยวิตามินดี อาทิ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู เนื้อวัว ไข่แดง ชีส และเห็ด
  3. ควรพาลูกน้อยไปตรวจสุขภาพหลังคลอดทุกเดือน (หรือตามที่คุณหมอนัด) เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้คุณแม่ทราบได้ค่ะว่า ลูกจะมีสุขภาพที่ปกติ แข็งแรงดี หรือจะมีจุดไหนที่ควรดูแลใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที

ภาวะขาโก่งจะเกิดได้กับเด็กบางคนซึ่งเป็นส่วนน้อย แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังคงเป็นกังวล ให้ลองสังเกตลูกจากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านบนก่อนนะคะ หากสังเกตแล้วแต่คุณพ่อคุณแม่ยังคงไม่มั่นใจและเป็นกังวลอยู่ ไม่ควรดัดขาลูกเองเด็ดขาดนะคะ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และการรักษาที่ถูกต่อไปดีที่สุดค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP