NQ คือ การเลี้ยงลูกเทรนใหม่ เข้าใจธรรมชาติลูก

การเลี้ยงลูกวัย 1-3 ขวบ

การเลี้ยงลูกเป็นอะไรที่ต้องใช้ “ทั้งศาสตร์และศิลป์” ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด เมื่อก่อนเราอาจเคยได้ยินกันมาใช่มั้ยคะเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกให้มี IQ, EQ และ SQ ผู้เขียนเคยมีเขียนไว้แล้วว่าแต่ละอย่างคืออะไร และมีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ค่ะ โน้ตมีเทรนใหม่มาฝากคุณพ่อคุณแม่สำหรับการเลี้ยงลูก นั่นคือ NQ หรือ Natural Quotient หรือ การเลี้ยงลูกโดยให้ความเข้าใจในธรรมชาติทั้งธรรมชาติของเด็กเอง และของคุณพ่อคุณแม่ จะเป็นอย่างไร แล้วมีวิธีการเลี้ยงอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ

ธรรมชาติเด็ก

ก่อนที่จะไปในเรื่องของ NQ (Natural Quotient) นั้น โน้ตจะชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็กกันก่อนค่ะ เพื่อที่เราจะได้ต่อยอดในเรื่องของการเลี้ยงดูลูกได้อย่างถูกต้อง

ธรรมชาติด้านร่างกาย

เด็กในวัยนี้มักจะเคลื่อนไหวเร็ว ชอบถือของเล่นติดมือ แต่ในขณะเดียวกันก็ชอบที่จะเรียนรู้สิ่งอื่น ๆ ไปพร้อมกัน ชอบเสียงดนตรี เด็กบางคนก็อาจชอบเรื่องของการร้องเพลง และการเต้น

ธรรมชาติทางความคิด จิตใจ และอารมณ์

เป็นวัยที่ช่างคิด ช่างฝัน ช่างจินตนาการ ยังแยกไม่ออกว่าเรื่องไหนคือ เรื่องจริง เรื่องไหนคือ เรื่องหลอก ด้านการสื่อสาร บางครั้งเด็กอาจหงุดหงิดง่ายเพราะเขาพยายามที่จะอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง แต่ศัพท์ในหัวยังน้อยจึงทำให้พูดออกมาไม่ทันใจตัวเอง ชอบฟังเรื่องราวซ้ำ ๆ นอกจากนี้ เด็กวัยนี้ยังเป็นวัยที่ตกใจได้ง่าย กลัวคนแปลกหน้า กลัวเสียงฟ้าร้อง เป็นต้น

ธรรมชาติในการเข้าสังคม

วัยนี้จะเริ่มมีความสนใจที่จะเข้ากับกลุ่มเพื่อนมากขึ้น ชอบที่จะให้คุณพ่อคุณแม่ ญาติ พี่ น้อง รวมถึงคุณครูให้ความสนใจเขา เด็กจะโต้ตอบคุณครูที่ให้ความรักกับได้อย่างรวดเร็ว ชอบให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คุณพ่อคุณแม่ เช่น อยากช่วยเหลือเรื่องงานบ้าน เป็นต้น

ธรรมชาติด้านจิตวิญญาณ

เด็กเริ่มเรียนรู้การโกหก เพราะกลัวถูกลงโทษ เชื่อคนง่าย

NQ หรือ Natural Quotient คือ?

คำว่า “Natural” หรือมีรากศัพท์มาจาก “Nature” ซึ่งแปลว่า ธรรมชาติ

“เลี้ยงลูกให้อยู่กับธรรมชาติหรอ?”

จะพูดอย่างนั้นก็ใช่ค่ะ แต่อาจไม่ครอบคลุมทั้งหมด การเลี้ยงลูกให้เค้าได้อยู่กับธรรมชาติ สัมผัสต้นไม้ ดิน แหล่งน้ำ ฯลฯ นับเป็นสิ่งที่ดีเพราะเค้าก็จะได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างรอบตัวด้วยตัวเอง แต่…อีกหนึ่งความหมายของคำว่า “Natural” ในที่นี้คือ…
คุณแม่ต้องใส่ใจ เข้าใจธรรมชาติ พฤติกรรม นิสัย รวมไปถึงเรื่องพัฒนาการของลูกด้วย โดยเด็กแต่ละคนมีความคิด ความชอบ และพัฒนาการด้านต่างๆ ที่แตกต่างกัน คุณแม่ควรเลี้ยงดูเค้าแบบไม่กดดัน แต่ค่อยสอนหรือค่อยๆ ให้เค้าเรียนรู้ไปตามธรรมชาติที่เค้าสนใจ ไม่บังคับให้ลูกมีพัฒนาการที่เกินตัว ซึ่งเค้าก็จะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณแม่พยายามสอนอยู่ดี

3 ตัวช่วยกับการเลี้ยงลูกตามธรรมชาติ

การที่จะเลี้ยงดูลูกตามธรรมชาติให้ได้ผลนั้น ต้องประกอบไปด้วย 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้

Natural Shine

เพราะธรรมชาติของเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ชอบต่างกัน พฤติกรรมต่างกัน เรียนรู้ได้เร็วหรือช้าต่างกัน มีความถนัดต่างกัน มีพัฒนาการที่ช้าเร็วต่างกัน ดังนั้น จะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้

แนวทางการส่งเสริม

  • คุณแม่ต้องสังเกต เรียนรู้ และทำความเข้าใจธรรมชาติของเค้าก่อน โดยต้องเปิดใจยอมรับความเป็นลักษณะเฉพาะตัวของลูก
  • สังเกตพฤติกรรม รวมถึงนิสัยลูกก่อนว่าเป็นเด็กเลี้ยงง่าย หรือเลี้ยงยาก งอแง หรือยิ้มง่าย อารมณ์แจ่มใส หรือขี้โมโห
  • เมื่อคุณแม่สังเกตและเก็บข้อมูลได้หมดแล้ว ให้ทำความเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็น เพื่อปรับวิธีการเลี้ยงดูให้เข้ากับลูกได้อย่างเหมาะสม แต่แรกๆ คุณแม่คงต้องเหนื่อยกันหน่อยในการปรับตัว ต้องให้เวลาในเรื่องนี้ซักนิด
  • ทั้งนี้ หากลูกเป็นคนที่มีพฤติกรรมไม่ค่อยเหมาะสม คุณแม่คงต้องปรับเปลี่ยนหาวิธีใหม่ เพื่อให้เข้ากับธรรมชาติของลูก

Natural Parent

ข้อนี้ก็คือ “ธรรมชาติของคุณพ่อคุณแม่” นั่นเองค่ะ นอกจากเด็กที่มีธรรมชาติเฉพาะตัวแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ย่อมมีค่ะ ซึ่งธรรมชาติที่ว่านี้ก็มีต่างกันไป คุณพ่อคุณแม่มีแนวความคิดต่างกัน การเลี้ยงดูมาก็ต่างกัน การใช้ชีวิตก็ต่างกัน ทัศนคติก็ต่างกัน รวมถึงนิสัยก็ต่างกัน และอีกหลายๆ เรื่องที่ต่างกัน

แนวทางการส่งเสริม

  • เมื่อคนสองคนมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แล้วมีลูก คุณพ่อคุณแม่เองก็ควรปรับตัว ปรับใจ ปรับทัศนคติ ปรับมุมมองในการเลี้ยงลูกให้เป็นไปในทางเดียวกัน มีแนวทางที่ตรงกัน เพื่อให้การเลี้ยงดูลูกประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้เหมือนกัน
  • เมื่อมีลูก คุณพ่อคุณแม่ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับลูก ต้องรู้จักยืดหยุ่น รู้จักปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง รวมไปถึงลักษณะนิสัยของตัวเองให้เข้ากับลูก เพื่อการเลี้ยงลูกจะได้มีความสุข ไม่เครียด ไม่กดดัน ตัวอย่างนิสัยบางส่วนที่ควรปรับเช่น จากคนที่เคยทำงาน พอหลังเลิกงานแล้วก็ไปเที่ยวเตร่ เฮฮากับเพื่อน กลับบ้านดึกดื่น เคยเป็นนักเที่ยว นักดื่ม หรือแม้แต่นักสูบ แบบนี้ก็ต้องลด ละ เลิก เพื่อลูกและครอบครัวนะคะ

Natural Emoluments

นอกจากตัวเด็กเอง ตัวคุณพ่อคุณแม่เองแล้ว ยังมีอีกหนึ่งธรรมชาติ นั่นคือ “ธรรมชาติของรายได้” ซึ่งคงไม่มีใครปฏิเสธว่าสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยต้องปรับให้เข้ากับลูกและกับทั้งตัวของคุณพ่อคุณแม่เองด้วย

แนวทางการส่งเสริม

  • เลี้ยงลูกไปตามความเหมาะสมของรายได้ที่รับ คือไม่ว่าจะใช้จ่ายเรื่องใดก็ตามที่เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกในวัยทารก อาทิ การซื้อเสื้อผ้า ของเล่น ของใช้ อาหาร ควรยึดหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” ตามรายได้ที่ครอบครัวได้รับ เช่น มีน้อยก็ใช้น้อย ไม่ก่อเกิดหนี้ครัวเรือน
  • เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น สอนให้ลูกรู้จักนำธรรมชาติมาสร้างสรรค์เป็นของเล่นเสริมทักษะและพัฒนาการ อาทิ เอาไม้ไอติมมาทำเป็นกล่องใส่ดินสอ ใบไม้สามารถนำมาทำเป็นเรือหรือเป่าให้มีเสียงก็ได้ เป็นต้น เพราะนอกจากจะช่วยให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นจินตนาการแล้ว ยังทำให้ลูกได้รู้จักคุณค่าของธรรมชาติอีกด้วยค่ะ

การเลี้ยงลูกตามธรรมชาติ มีความสำคัญ และจะต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก คือ Natural Shine, Natural Parent and Natural Emoluments

พญ.สุธิรา ริ้วเหลือง จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ เปิดเผยว่า การเลี้ยงลูกตามธรรมชาติ มีความสำคัญ และจะต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก คือ
1.Natural Shine ธรรมชาติของลูก พฤติกรรม นิสัย พร้อมกับทำความเข้าใจในสิ่งที่เด็กเป็น เพื่อปรับการเลี้ยงดูให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม หากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมพ่อแม่ต้องมีวิธีในการปรับเปลี่ยน ที่เข้ากับธรรมชาติของเด็กแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน
2.Natural parent ธรรมชาติของพ่อแม่ ต้องปรับทัศนคติในการเลี้ยงลูกให้ตรงกัน และมีแนวทางที่ตรงกัน
3.Natural emoluments ธรรมชาติของรายได้ การเลี้ยงลูกตามธรรมชาติอย่างเหมาะสมกับรายได้ของครอบครัวและความพอเพียง โดยอาจจะนำธรรมชาติที่อยู่รอบตัวมาสร้างสรรค์เป็นของเล่นส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกได้
ข้อมูลอ้างอิง : พญ.สุธิรา ริ้วเหลือง จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์

เพราะเราหนีเรื่องของ “ธรรมชาติ” ไม่พ้น ดังนั้น เราจึงควรนำธรรมชาติของทั้งเด็ก ทั้งคุณพ่อคุณแม่ และสิ่งต่างๆ รอบตัวมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์นะคะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP