หากครอบครัวไหน มีลูกที่เป็น “เด็กเก่ง” คุณพ่อคุณแม่คงดีใจไม่น้อย แล้วถ้าเด็กเก่งด้วย บวกกับ “เด็กดี” ด้วย โอ้ย…หัวใจของคุณพ่อคุณแม่ต้องพองโตแน่เลย เพราะเวลาที่เราพาลูกไปเที่ยวที่ไหนหรือทำอะไร ถ้าเขาเป็นเด็กดีก็จะทำให้ใครเห็นใครก็รัก การสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูก เพื่อเป็นทั้งเด็กเก่งและเด็กดีทำได้ไม่ยากค่ะ
Youtube : 7 เทคนิคสร้างนิสัยที่ดีให้ลูก เพื่อเป็นเด็กเก่งและเด็กดี น่ารัก
สารบัญ
7 เทคนิคสร้างนิสัยที่ดีให้ลูก เพื่อเป็นเด็กเก่งและเด็กดี น่ารัก
การจะให้ลูกเป็นได้ทั้งเด็กเก่งและเด็กดีนั้น ต้องเริ่มจากคุณพ่อคุณแม่เองก่อนค่ะ จาก 7 ข้อที่เราจะพูดถึงดังต่อไปนี้ มีข้อไหนที่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่มีบ้าง ถ้ายัง…ให้เพิ่มด่วน ๆ ค่ะ เมื่อเราทำครบทั้ง 7 ข้อนี้ได้แล้ว รับรองว่าลูกของคุณพ่อคุณแม่น่ารักสมความตั้งใจแน่นอน
ขยันพูดและอธิบายให้มากขึ้น
ที่ต้องบอกว่าขยันพูดก็เพราะว่าคุณแม่บางคนสอนลูกในเรื่องเดิมซ้ำ ๆ แล้วลูกไม่จำซักที หรือจำแล้วแต่ไม่ทำ คุณแม่ก็พูดแล้วพูดอีกจนตัวเอง “ขี้เกียจพูด” แล้วทำให้ลูกแทนในทุกเรื่อง เพราะรวดเร็วทันใจดี แบบนี้ดูแล้วไม่ต่างจาก “พ่อแม่รังแกฉัน” เพราะลูกไม่ได้เรียนรู้อะไร ซึ่งสิ่งที่คุณแม่ควรทำมากที่สุดคือ ให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้าเขาไม่เข้าใจ คุณแม่ค่อยอธิบายเพิ่มเติมให้ฟัง
ทังนี้ สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งนั่นคือ การดุด่าลูก ลงโทษลูก เพราะจะยิ่งทำให้ลูกยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก หรือถ้าจำเป็นต้องลงโทษจริง ๆ ควรอธิบายเหตุผลให้เขาเข้าใจว่าเพราะอะไร ให้ลูกรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ยังรักลูกเสมอ
มองโลกในแง่บวกเสมอ
ซึ่งสิ่งที่คุณแม่หลาย ๆ คนเผชิญเป็นประจำคือ สอนลูก บอกลูกในเรื่องเดิมซ้ำ ๆ แต่ทำไมลูกไม่ทำตามเสียทีนะ แต่…เดี๋ยวก่อนค่ะให้หยุดความคิดไว้แค่นี้ก่อน แล้วเปลี่ยนความคิดเป็นแบบนี้แทน ถ้าลูกไม่ทำอย่างที่คุณแม่สอนไว้ ให้ค่อย ๆ ถามลูกด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและจิตใจที่เปิดกว้างว่า
“เพราะอะไรหนูถึงทำอย่างนี้คะ? บอกเหตุผลให้แม่ฟังได้ไหมคะ?”
อย่างน้อยคุณแม่ก็จะได้มีโอกาสทำความเข้าใจในความคิดของลูกว่าเขาคิดอย่างไร แล้วเราค่อยอธิบายในสิ่งที่ถูกต้องกับเขาต่อไป
สอนในเรื่องเหตุผลมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ลูกเล่นของเล่นเกลื่อนเต็มพื้น แต่ไม่ยอมเก็บ คุณแม่ควรอธิบายเหตุผลให้ลูกฟังว่า ถ้าหนูไม่เก็บของแล้วหากเกิดอุบัติเหตุหนูเหยียบลื่นหรืออาจมีคนอื่นมาเหยียบลื่น ก็จะได้รับบาดเจ็บนะคะ การอธิบายให้ลูกฟังนี้ คุณแม่ควรมีท่าทีที่ดูเรียบ แต่หนักแน่น สิ่งนี้จะทำให้ลูกเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองอีกด้วยค่ะ
มีความยืดหยุ่นบ้าง
แต่ละครอบครัวต่างมีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง แต่หลังจากที่เรากำหนดและลองใช้ดูแล้ว ให้ลองมาพูดคุยกับลูกอีกครั้งว่าลูกรู้สึกอึดอัดไปหรือเปล่า ต้องการให้ลดตรงไหนหรือไม่ การเลี้ยงลูกควรเลี้ยงแบบให้ทั้งเราและลูกมีความสุข ไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป
ชมลูกตามสมควร
การชมลูกควรชมแค่พอควร ไม่ชมพร่ำเพรื่อ อาจเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่คิดแล้วว่านั้น ๆ เป็นเรื่องยากแต่ลูกก็ยังทำได้ แต่การไม่ชมลูกเลยเพราะกลัวลูกเหลิง คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า เรื่องนี้ (การที่ไม่ชมลูกเลย) จะเป็นปมด้อยกับลูก เพราะลูกจะไม่รู้จักคุณค่าในตัวเอง (Self Esteem) เขาจะเข้าว่าทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง ไม่เก่งสักอย่าง ในที่สุดเขาจะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ถ้าอาการหนักมาก บางรายอาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้
รู้จักการขอโทษ
ทุกคนรู้ว่าในโลกนี้ไม่เคยมีใครที่ถูกต้องทุกอย่าง ต้องมีพลาดบ้างแหละ แต่…ถ้าคุณพ่อคุณแม่ทำผิดพลาดบ้างล่ะคะ ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม เคยขอโทษลูกหรือเปล่า? บางคนอาจคิดว่าเป็นผู้ใหญ่ทำไมต้องขอโทษเด็ก? แต่นี่แหละค่ะที่เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงต้องขอโทษลูก เพราะลูกจะได้เรียนรู้เรื่องการขอโทษจากคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง
เป็นต้นแบบที่ดี
คุณพ่อคุณแม่แม่คือ ตัวอย่าง คือฮีโร่ คือไอดอล หรือจะคืออะไรก็ตาม แต่ที่แน่ ๆ ลูก ๆ จะมีพฤติกรรมที่เลียนแบบคุณพ่อคุณแม่แน่นอนค่ะ ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะทำอะไร คิดอย่างไร ลูกจะจำสิ่งต่าง ๆจากคุณพ่อคุณแม่มาเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว ดังนั้น การเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกเห็นจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เลี่ยงไม่ได้ค่ะ
ลูกจะเป็นเด็กดีได้ เป็นเด็กเก่งได้ ก็เพราะการอบรมเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่ อย่าเพิ่งบ่นว่าเหนื่อย อย่างเพิ่งพ้อ ถ้าจุดหมายปลายทางของคุณพ่อคุณแม่คือ การได้เห็นลูกของเราเป็นเด็กเก่งและเด็กดี