ในชีวิตของเราคงไม่มีใครที่จะเจอกับเรื่องทุกข์ได้ทุกวัน และไม่มีใครสุขได้ตลอดไป แต่การใช้ชีวิตให้มีความสุขได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถ “มองโลกในแง่ดี” หรือ “คิดบวก” ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณพ่อคุณแม่สามารถปลูกฝังลูกได้ตั้งแต่เล็ก ๆ นะคะ
Youtube : เทคนิคสอนลูกให้คิดบวก แม่ทำได้ง่าย ๆ
สารบัญ
เทคนิคสอนให้ลูกคิดบวก
ยอมรับความแตกต่าง
สอนให้ลูกเรียนรู้และยอมรับความแตกต่าง เพราะคนแต่คนมีความแตกต่างกัน มีความคิด มีมุมมองที่ต่างกัน มีความสามารถต่างกัน สอนให้ลูกรู้จักการเปิดใจยอมรับ เมื่อลูกโตขึ้นและใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ลูกจะได้ไม่ต้องมีความคิดที่อคติกับใครกับเรื่องใด ๆ รอบตัว เขาจะสามารถยอมรับความแตกต่างได้อย่างไม่ขุ่นข้องหมองใจ ความคิดในแง่ลบก็จะไม่เกิดและไม่เกาะกินใจลูก
สร้างพื้นฐานอารมณ์ที่ดี
ให้คุณพ่อคุณแม่หมั่นหากิจกรรมที่สนุกสนานมาให้ลูกทำ หรืออาจเป็นการ์ตูนเรื่องสนุก ๆ ขำ ๆ มาเปิดให้ลูกดู หรือเล่านิทานสนุก ๆ ก็ได้ค่ะ เพราะในขณะที่ลูกหัวเราะมีความสุข ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาด้วย ช่วยให้สมองปรอดโปร่ง ลูกจะมีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รอบตัว ที่สำคัญ ฮอร์โมนนี้จะช่วยกระตุ้นระบบความคิดในเรื่องของการแก้ปัญหาได้อีกด้วยนะคะ
ล้มได้ ลุกได้ด้วยตัวเอง
เป็นธรรมดาของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เมื่อเห็นลูกล้มแล้วก็อยากเข้าไปช่วยพยุงให้ลูกยืนขึ้น แต่ที่ถูกแล้วหากลูกล้มควรปล่อยให้ลูกลุกเอง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ลูกหัดเดิน ลูกวิ่ง หรือแม้แต่ทำกิจกรรมอื่น ๆ อย่างการปั่นจักรยานเป็นต้น ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการปลูกฝังนิสัยให้ “เข้มแข็ง” ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในอนาคต และที่สำคัญ ปลูกฝังให้รู้จักพึ่งพาตนเองได้
มีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ
ให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตลูกว่า ลูกทำกิจกรรมอะไรแล้วมีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้า ชมลูกและให้กำลังใจลูก แม้ว่าในบางครั้งจะเป็นกิจกรรมเล็ก ๆ เพื่อให้ลูกได้ภูมิใจและเห็นคุณค่าในตัวเองนะคะ
แสดงความคิดเห็นได้
โดยคุณพ่อคุณแม่อาจถามลูกในเรื่องต่าง ๆ ด้วยคำถามปลายเปิดให้ลูกได้คิดและแสดงความคิดเห็น หรือแม้แต่หากเรามีปัญหา (ที่เล็ก ๆ) คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกช่วยออกความคิดเห็นได้เช่นกันนะคะ เหล่านี้จะเป็นการฝึกให้ลูกได้ใช้ความคิด วิเคราะห์ ประมวลเหตุการณ์ การใช้เหตุผล และการแก้ไขปัญหาได้ดีเยี่ยมเลยค่ะ
เปิดประสบการณ์กับการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ นับเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ให้ลูกได้อย่างดีมากค่ะ เพราะอะไร? ก็เพราะลูกจะได้กับคนใหม่ ๆ ไปในสังคมใหม่ ๆ รู้จักกติกาของสังคม และมารยาทสังคม มีตัวอย่างทั้งดีและไม่ดีให้ลูกได้เห็นและเรียนรู้ คุณพ่อคุณแม่ก็อาศัยจังหวะนี้แหละค่ะสอนลูกไปในตัว
ชี้ให้เห็นถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการคิดบวก
ให้คุณพ่อคุณแม่ยกตัวอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ โดยชี้ให้ลูกได้เห็นว่ากว่าคนเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จได้อย่างวันนี้ เขาต้องเจอกับอะไรมาบ้าง “การมองโลกในแง่บวก” ของผู้ที่ประสบความสำเร็จคนดังกล่าวนั้น ส่งผลดีอะไรชีวิตของเขาบ้าง เพื่อให้ลูกได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
พ่อแม่เป็นต้นแบบที่ดี
ถ้าใครติดตามผลงานการเขียนโน้ตมานาน โน้ตจะเน้นย้ำเสมอว่า “คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นต้นแบบที่ดี” ไม่ใช่แค่ทำดีเฉพาะเวลาที่ลูกอยู่ด้วย เพราะจริง ๆ แล้ว ลูกเป็นเด็กช่างสังเกตมากกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คิดนะคะ แม้ลูกไม่ได้อยู่ต่อหน้าเรา แต่ลูกแอบดูเราอยู่ทุกขณะ ไม่ว่าเราจะทำอะไร เพราะฉะนั้น การเป็นต้นแบบที่ดีในเรื่องของการคิดบวก จึงเป็นการสอนที่บางครั้งไม่ต้องอาศัยคำพูดเลยสักคำ
“การคิดบวก” ไม่ใช่ “การหลอกตัวเอง” ในวันที่คุณพ่อคุณแม่เจอเรื่องร้าย ๆ เจอเรื่องทุกข์ใจ แต่ “การคิดบวก” คือ “การที่เราสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขท่ามกลางความทุกข์” ต่างหากค่ะ สิ่งเหล่านี้สามารถส่งต่อลูกได้ โดยเริ่มที่คุณพ่อคุณแม่ก่อน