อาหารที่แม่ให้นมควรกิน ดีต่อแม่ ประโยชน์ต่อลูก

การคลอดและหลังคลอด

แม่หลังคลอดมีหลายสิ่งที่ต้องดูแลซึ่งนอกเหนือจากแผลผ่าหลังคลอดแล้ว ยังมีลูกน้อยที่คุณแม่ต้องคอยดูแลให้นมอีกด้วยค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่ฟื้นตัวได้ พร้อมกับน้ำนมก็ยังมีสารอาหารสำคัญที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกน้อยนั่นก็คือ “อาหาร” นั่นเองค่ะ

ปริมาณอาหารที่ควรได้รับต่อวัน

ในกระบวนการของการผลิตน้ำนมนั้น ร่างกายต้องใช้พลังงานที่ 20 กิโลแคลอรี่โดยประมาณ เพื่อที่จะผลิตน้ำนมให้ได้ 30 มิลลิลิตร เพราะฉะนั้นร่างกายต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นวันละ 500 กิโลแคลอรี่เป็นอย่างน้อย เพื่อการผลิตน้ำนมให้ได้ 750 มิลลิลิตร/วัน

หญิงทั่วไป

พลังงานที่ต้องการ 1,600 กิโลแคลอรี่ / วัน
คาร์โบไฮเดรต (ข้าว) 6-8 ทัพพี
เนื้อสัตว์ 6-12 ช้อนโต๊ะ
นม 1-2 แก้ว
ผัก 4-6 ทัพพี
ผลไม้ 3-5 ส่วน
ไขมัน 4-6 ส่วน

คุณแม่ให้นม

พลังงานที่ต้องการ 1,600 กิโลแคลอรี่ / วัน
คาร์โบไฮเดรต (ข้าว) 8-12 ทัพพี
เนื้อสัตว์ 12-14 ช้อนโต๊ะ
นม มากกว่า 2 แก้ว
ผัก 4-6 ทัพพี
ผลไม้ 5-6 ส่วน
ไขมัน 6 ส่วน

**ควรเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ไขมันจากสัตว์ ชีส หรือเนย เป็นต้น

อาหารที่แม่ให้นมควรกิน

โปรตีน

คุณแม่ที่อยู่ในระยะให้นมบุตร ควรกินอาหารที่มีโปรตีนมากขึ้น โดยทั่วไปคุณแม่ให้นมต้องการโปรตีนประมาณ 15 กรัมถึงจะเพียงพอต่อความต้องการ และสำหรับปริมาณโปรตีนของสัตว์ปีกจะอยู่ที่ 26 กรัม/3 ออนซ์ ส่วนปริมาณโปรตีนของปลาจะอยู่ที่ 17 กรัม/3 ออนซ์ ซึ่งแหล่งโปรตีนชั้นดี ได้แก่ นม (8 กรัมต่อถ้วย), ถั่ว (9 กรัมต่อครึ่งถ้วย), เนยถั่ว (7 กรัมต่อ 2 ช้อนโต๊ะ), และไข่ (6 กรัมต่อฟอง)

คาร์โบไฮเดรต

คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานเป็นหลัก เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่ทำให้คุณแม่มีแรงที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งแหล่งคาร์โบไฮเดรตได้แก่ ธัญพืชเต็มเมล็ด (ข้าวกล้องสุก 45 กรัมต่อครึ่งถ้วย), ผัก (มันฝรั่งหวานสุก 27 กรัม), ผลิตภัณฑ์นม (โยเกิร์ต 8 ออนซ์แบบไม่มีไขมันมี 11 กรัม)

กรดโฟลิก

กรดโฟลิกเป็นสารอาหารสำคัญตั้งแต่ช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ แต่ไม่เพียงแค่นั้นนะคะ เพราะมันยังสำคัญต่อคุณแม่ที่อยู่ในระยะให้นมบุตรอีกด้วย โดยปริมาณของกรดโฟลิกที่คุณแม่ควรได้รับต่อวันจะอยู่ที่ 500 ไมโครกรัม ซึ่งมีมากในผักใบเขียวอย่างผักโขม (100 ไมโครกรัมต่อครึ่งถ้วย), ผักคะน้า (19 ไมโครกรัมต่อครึ่งถ้วย โดยประมาณ) เป็นต้น

กรดไขมันโอเมก้า 3

โอเมก้า 3 เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการด้านสมองของลูก และขึ้นชื่อว่าโอเมก้า 3 เชื่อว่าคุณแม่ส่วนใหญ่จะนึกถึงปลาใช่ไหมล่ะคะ? ซึ่งก็ถูกค่ะ แต่ว่าโอเมก้า 3 ไม่ได้พบแต่ในปลาเท่านั้น เพราะมันยังพบได้ในไขมันของเนื้อวัวซึ่งเป็นไขมันดี (80 มิลลกรัม ต่อ 3.5 ออนซ์), ไข่ (225 มิลลิกรัมต่อฟอง) นอกจากนี้ยังมีในวอลนัทอีกด้วยค่ะ แต่ทำสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารทะเลที่มีสารปรอทปนเปื้อนนะคะ หรือถ้าให้ปลอดภัยและไม่มั่นใจว่าอาหารทะเลชนิดไหนมีสารปรอทหรือไม่ ให้งดกินไปก่อนดีกว่าค่ะ

แคลเซียม

แคลเซียมก็เป็นสารอาหารสำคัญตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์เช่นกัน และยังคงต่อเนื่องมาจนถึงระยะให้นมบุตรนี้ค่ะ ในหนึ่งวันคุณแม่ควรได้รับแคลเซียมที่ 1,000 มิลลิกรัม เพราะคุณแม่ต้องสูญเสียแคลเซียมจากมวลกระดูกประมาณ 3 – 5% ระหว่างการให้นมลูก (แต่ส่วนนี้มันจะกลับมาได้หลังจากที่ลูกน้อยหย่าเต้านะคะ) ตัวอย่างอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมได้แก่ เต้าหู้ (434 มิลลิกรัมต่อครึ่งถ้วย) หรือบรอกโคลี (70 มิลลิกรัม)

ธาตุเหล็ก

มีส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดได้เป็นอย่างดี ที่จำเป็นต้องกินตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์เช่นกัน และมันก็จะมีความสำคัญมาจนถึงช่วงที่คุณแม่ให้นมค่ะ ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก เช่น เนื้อแดง ถั่ว (2 มิลลิกรัมต่อครึ่งถ้วย), และผักใบเขียวเข้ม

หากคุณแม่จะสังเกตจะมีสารอาหารสำคัญอยู่ 2-3 ตัว ที่ร่างกายคุณแม่ต้องการตั้งแต่การตั้งครรภ์ไตรมาสแรกและยาวมาจนถึงช่วงที่คุณแม่ให้นมลูก นั่นก็คือ กรดโฟลิก, แคลเซียม และธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของทารก นอกนั้นก็จะเป็นส่วนเสริมที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เพราะสารอาหารเหล่านั้นก็จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างเซลล์ประสาทสมอง เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพราะฉะนั้นในหนึ่งวัน คุณแม่ควรกินอาหารให้ครบและให้ได้ปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนะคะ เพื่อร่างกายคุณแม่จะได้ฟื้นตัวเร็ว และลูกน้อยก็จะเติบโตอย่างแข็งแรงค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP