เมื่อคนสองคนตกลงมาคบกันและตัดสินใจที่จะแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาแล้วแน่นอนย่อมมีการทะเลาะเบาะแว้งขึ้นบ้าง ไม่มากก็น้อยเหมือนลิ้นกับฟันที่มีกระทบกระทั่งกันบ้างในบางวัน ไม่มีใครทำอะไรให้ถูกใจเราไปซะทุกอย่าง ต่างคนต่างก็เติบโตมาคนละที่ ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน วิธีคิดในบางเรื่องก็ย่อมแตกต่างกันไปเป็นธรรมดา
“แต่…อะไรล่ะ ที่จะทำให้การทะเลาะกันต้องบานปลาย?”
วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องสิ่งที่ทั้งสามีและภรรยาไม่ควรทำต่อกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ
สารบัญ
1.อย่าเงียบ
จริงอยู่เวลาสามีภรรยาทะเลาะกัน ต่างคนก็ต่างใช้อารมณ์พูดคุยกันจนบางทีต่างคนต่างคิดว่า “ความเงียบสงบสยบความเคลื่อนไหว”แต่ความจริงแล้วการเงียบ ไม่ใช่การแก้ปัญหาเลย สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกแก้ไข หรือคลี่คลาย
การเงียบ…แท้จริงแล้วก็เหมือน “ระเบิดเวลาที่หมกอยู่ใต้พรม”รอเวลาที่จะระเบิดอีกครั้ง ซึ่งครั้งหลังนี้อาจทำให้ทะเลาะกันหนักขึ้นกว่าเดิมอย่าใช้ความเงียบเพียงเพื่อเป็นอาวุธของการประชดหรือความสะใจ กลับกันมันจะเป็นตัวบั่นทอนความรักของซึ่งกันและกันมากกว่า
2.ไม่ท้าให้ “หย่า”
เข้าใจค่ะว่าเวลาทะเลาะกันบางทีอารมณ์ก็พาไป แต่พาไปออกอ่าวเลย เพราะการที่เราตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วก็น่าจะต้องช่วยกันประคับประคองไปจนตลอดรอดฝั่ง เพราะหากใครคนใดคนนึงพูดท้ามาก่อน และเมื่ออีกฝ่ายได้ยินบ่อยๆ เข้า อาจประชดรับคำท้า สรุปเสียใจกันทั้งคู่
ลองนะคะ ทั้งคู่…ลองวางทิฐิ วางอัตตา (ยึดตัวตน) ลง อาจจะเงียบซักพัก เพื่อสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ตั้งสติคิดดูใหม่ ว่าปัญหามันเกิดจากอะไร? แล้วอะไรที่เป็นต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้ปัญหาบานปลายจนต้องทะเลาะกัน จะใช่ทิฐิหรือเปล่า? ถ้าใช่…ให้วางลงทันที แล้วเข้าไปคุยกันใหม่เพื่อแก้ปัญหานะคะ
3.ไม่เอาเรื่องเก่ามาทะเลาะใหม่
ข้อนี้ยิ่งหนักเลยค่ะ เรื่องล่าสุดก็ยังทะเลาะกันอยู่ เผลอแป๊บเดียวโยงเรื่องเก่าเอามาทะเลาะใหม่ได้อย่างกะใส่ hyperlink คลิกเรื่องเก่าเรื่องไหนก็ยังเอามาทะเลาะได้ทุกเรื่อง แบบนี้เมื่อไหร่ปัญหามันจะคลี่คลายล่ะคะ
แบบนี้ไม่ดีเลยให้ตั้งสติคิดซะว่า เรื่องเก่าคือเรื่องเก่า จบไปแล้ว เรื่องใหม่ที่ไม่เข้าใจกัน ณ ปัจจุบันก็เคลียร์กันเฉพาะของปัจจุบันให้จบ พอจบแล้ววางไม่เอามาแบกไว้ค่ะ หนักเปล่าๆ
4.ไม่ทำร้าย “ร่างกายและจิตใจ” กัน
ข้อนี้ขอกาดอกไม้จันท์ เอ้ย! ดอกจันซักพันดอก เพราะธรรมชาติผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า พละกำลังน้อยกว่า ดังนั้น เวลาทะเลาะกันต่อให้จะโมโหกันมากขนาดไหนก็ตามก็ไม่ควรที่จะทำร้ายร่างกายหรือจิตใจซึ่งกันและกัน ต่างคนอยู่ให้ห่างไกลสิ่งของที่สามารถหยิบเควี่ยงได้ เพราะเวลาด้วยอารมณ์พาไปเราอาจจะทำอะไรแบบที่แม้แต่เราเองก็ไม่คาดคิดขึ้นได้ แต่คงไม่ถึงกับเป็นฮัค ตัวเขียวโนะ
5.อย่าทำให้เรื่องบานปลาย
เพราะความที่สามีภรรยาได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาต่างกัน นิสัยจึงย่อมมีต่างกันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของการใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. อาจมีเรื่องบางเรื่องที่ขัดหูขัดตาไปบ้าง หากเป็นเรื่องเล็กน้อย อาทิ การถอดเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว หรือการเก็บข้างของให้เป็นระเบียบ สิ่งเหล่านี้ลองค่อยๆ พูดคุยกันดู
แต่หากพูดแล้วยังไม่ดีขึ้น ยังไม่มีวี่แววว่าจะปรับปรุงตัว แนะนำว่า ให้เรา “หลับตาข้างนึง” แล้วจัดการเองเลยค่ะ แล้วให้เราเปลี่ยนวิธีคิดและมุมมองใหม่ว่า “คนเราไม่ได้มีใครเพอร์เฟ็คไปซะทุกเรื่อง”เท่านี้ ปัญหาก็ไม่เกิด ทะเลาะก็ไม่มีค่ะ
6.ไม่ทะเลาะต่อหน้าลูก (หากกรณีมีลูก)
ข้อนี้สำคัญค่ะ เพราะหากครอบครัวไหนมีลูกแล้ว การทะเลาะต่อหน้าลูกเปรียบเสมือนการสร้างรอยแผลในใจให้ลูกอย่างนึงเลยทีเดียว และเค้าจะจำภาพที่คุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันไปจนโต ยิ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันให้ลูกเห็นบ่อยๆ เค้าจะซึมซับพฤติกรรมนั้นไปจนโต และจะถ่ายทอดพฤติกรรมดังกล่าวสู่คนที่อยู่รอบตัวเค้า ทำให้เค้ากลายเป็นเด็กมีปัญหาไปในที่สุดค่ะ
7.อย่าประชด
หรืออีกนัยหนึ่งคือ “อย่าบอกว่าไม่มีอะไร หากในใจยังติดค้าง”เพราะอีกฝ่ายอาจเข้าใจไปอย่างนั้นจริงๆ สุดท้ายไม่มีการเคลียร์กัน ไม่มีใครง้อใคร ส่วนคนที่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะตามมาเคลียร์แต่ไม่มา แบบนี้ก็ยิ่งทำให้ปะทุความโกรธ ยกระดับดีกรีความงอนสูงขึ้นไปอีก ไม่มีประโยชน์เลย สู้บอกไปเลยค่ะ ว่าติดค้างเรื่องไหน? อย่างไร?
รู้กันแบบนี้แล้ว ก่อนจะทะเลาะกัน ค่อยๆ นั่งคิดกันดีๆ ใจเย็นๆ นะคะ แล้วรับฟังซึ่งกันและกัน ช่วยกันประคับประคองชีวิตคู่ไปจนตราบนานเท่านาน เป็นกำลังใจให้นะคะ