เท่าที่รู้ประเทศไทยในตอนนี้ก็มีเรื่องราวที่ทำให้เราติดอันดับท็อปของโลกกับเขาอยู่เหมือนกันนะ จะเรื่องอะไรซะอีก ก็เรื่อง “ค่าฝุ่น PM2.5” ที่สูงแบบไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลย เพราะผลกระทบนั้นมันรุนแรงถึงขั้นรบกวนสุขภาพและการชีวิตประจำวันไปซะแล้ว
ฝุ่น PM2.5 มาจากไหน? เกิดจากอะไร? อยู่นอกบ้านใช้ N95 ได้ แล้วถ้ามันคืบคลานเข้าไปในบ้าน? เราจะมีตัวช่วยอะไรที่ทำให้เราหายใจได้เต็มปอดมากขึ้น?
“เครื่องฟอกอากาศ” จึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ตอบโจทย์พวกเราในขณะนี้ แล้วการเลือกเครื่องฟอกอากาศต้องเลือกอย่างไรให้คุ้มค่า ดูเป็นมืออาชีพ ทุกข้อสงสัยข้างต้น วันนี้เรามาไขข้อข้องใจกันค่ะ
สารบัญ
ฝุ่น PM2.5 มาจากไหน
สาเหตุมีดังนี้ค่ะ
- โรงผลิตไฟฟ้า
- ควันที่ออกมาจากท่อไอเสียของรถยนต์
- การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ รวมถึงการเผาเพื่อการเกษตร
- การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์
- ฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้าง
ฝุ่นเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะลอยตัวไปรวมกันอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ก่อนที่ช่วงเช้าจะถูกลมพัดให้ฟุ้งกระจายไป แต่…หากวันไหนที่อากาศนิ่ง ไม่มีลมพัด ก็จะส่งผลให้ฝุ่น PM2.5 อยู่นิ่งไม่ฟุ้งกระจาย จึงเกิดการสะสมไปเรื่อยๆ ความเข้มข้นของฝุ่นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นมลพิษในอากาศและส่งผลต่อสุขภาพนั่นเอง
5 เทคนิคการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้คุ้มค่า คุ้มราคา
ความละเอียดของฟิลเตอร์ HEPA/EPA
“ไส้กรองอากาศ” คือ หัวใจสำคัญที่สุดของเครื่องฟอกอากาศทุกเครื่อง ระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศเกือบทั้งหมด จะใช้วิธีการฟอกด้วยการนำอากาศเสียวิ่งผ่านไส้กรอง เพื่อให้ได้อากาศที่ดีออกมา โดยมาตรฐานโลกของไส้กรองอากาศนั้นมีชื่อว่า HEPA (High Efficiency Particulate Air) ซึ่ง 90% ของฟิลเตอร์เครื่องกรองอากาศที่ใช้กันอยู่ในขณะนี้จะมีลัษณะเป็นแผงกระดาษที่มีเนื้อเป็นเส้นใยไฟเบอร์ทอมีความหนาระดับหนึ่งวางสลับฟันปลากันไปมา
ถ้าพูดถึงเรื่องความละเอียดในการกรองของ HEPA ละเอียดมากจนถึงระดับที่สามารถดักจับแบคทีเรียและเกษรดอกไม้อันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้กันได้เลยทีเดียว โดยมาตรฐานของฟิลเตอร์มีตั้งแต่ EPA, HEPA, และ ULPA เรียงตามลำดับความละเอียดในการดักจับฝุ่นละออง ได้ถึง 99.95%-99.995% แต่สำหรับฟิลเตอร์ EPA จะเริ่มต้นที่ 85%-99.5% ดังนั้น ควรเลือกฟิลเตอร์ HEPA ไว้ก่อนดีกว่า
ปริมาณอากาศและขนาดห้อง
สิ่งสำคัญที่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ที่เราต้องนำมาพิจารณาคือ “ความสามารถในการฟอกอากาศด้านปริมาณ” เครื่องฟอกอากาศที่สามารถฟอกได้ในปริมาณที่มากกว่าก็ย่อมมีราคาที่สูงกว่า ดังนั้น ก่อนจะซื้อควรคำนึงถึงขนาดห้องที่จำนำไปใช้ด้วยนะคะ
การคำนวณขนาดห้อง เอาแบบง่ายที่สุด คือ กว้าง (เมตร) x ยาว (เมตร) ยังไม่ต้องรวมส่วนสูงของห้อง เว้นเสียแต่ว่าเป็นเพดานสูง 2 ชั้น แบบ Double Volume ผลที่ได้ก็จะเป็นพื้นที่ห้องตารางเมตร เช่น ห้องกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร = พื้นที่ห้อง 24 ตารางเมตร เป็นต้น
การเปลี่ยนฟิลเตอร์เครื่องกรองอากาศในอนาคต
ก่อนซื้อให้คำนึงถึงเรื่องต่างๆ ดังนี้
- วิธีเช็คว่าฟิลเตอร์หมด เลือกเครื่องที่มีระบบเตือน เพื่อที่จะได้รู้ว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว แต่ถ้าเป็นเครื่องเล็กๆ บางรุ่นอาจไม่มี
- ราคาของฟิลเตอร์ เพื่อเอามาคำนวณค่าใช้จ่ายรายปีค่ะ ซึ่งยี่ห้อที่เป็นรุ่นพรีเมี่ยมบางรุ่น ฟิลเตอร์ก็ไม่ได้แพงเสมอไป ลองเช็คจากผู้ขายดู
- ซื้อฟิลเตอร์ได้ที่ไหน ซื้อออนไลน์ได้หรือเปล่า? ถ้าได้ก็ดีไปเพราะจะมารแข่งขันด้านรากันสูง ทำให้ได้ของดีราคาถูก หรือซื้อจากผู้จำหน่ายเครื่องได้ไหม หรือต้องซื้อจากศูนย์ เป็นต้น
- มีฟิลเตอร์ให้เลือกหรือไม่? กี่แบบ? มีหลายรุ่นที่มีการเพิ่มคุณสมบัติของฟิลเตอร์เข้าไป อาทิ เพิ่มคาร์บอนหรือถ่าน เพื่อช่วยดูดซับกลิ่น หรือบางรุ่นก็เพิ่มความสามารถในการฆ่าเชื้อโรค
ฟังก์ชั่นเสริมในการฆ่าเชื้อโรค
บางยี่ห้อ บางรุ่นอาจใส่ Ozone ที่สามารถฆ่าเซลขนาดเล็กมากได้ แต่ก็จะทำให้เซลในร่างกายเราได้รับผลไปด้วยเช่นกัน หากมีการเปิดใช้นานๆ หรือบางรุ่นมีการปล่อยประจุไฟฟ้าเพื่อฆ่าเชื้อโรคก็มี
ฟังก์ชั่นที่เสริมการทำงานอัตโนมัติ
บางรุ่น บางยี่ห้อ สามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้และยังสามารถควบคุมผ่านแอปในมือถือได้อีกด้วย บางเครื่องก็มีการวัดคุณภาพอากาศว่าตอนนี้มีฝุ่นมากหรือน้อยแค่ไหน คือถ้าไม่มีฝุ่นก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องให้แรงเป็นต้น
เครื่องฟอกอากาศ PM2.5
เครื่องฟอกอากาศในรถ
เพราะทุกวันนี้เหตุการณ์เรื่องฝุ่น PM2.5 ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดีของคนที่เรารักและรักเราจึงเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องกรองอากาศ ใจเย็นๆ และข้อมูลให้ดีนะคะ เพื่อประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่าสูงสุด
อ้างอิง
Honestdocs.co
iUrban.in.th