โรงเรียนทางเลือกคืออะไร แนวการสอนแต่ละแบบมีอะไรบ้าง

ปัจจุบันหลักสูตรการเรียนการสอนรวมไปถึงวิธีการสอนได้มีการปรับตัวไปตามยุคสมัย เพื่อรองรับการเติบโตของสังคมและเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด แล้วคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราจะไม่ปรับตัวตามก็คงไม่ได้ เพราะมิเช่นนั้น คุณ…จะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง (คุ้นๆ มั้ยคะ^^)

ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของ “โรงเรียนทางเลือก” ซึ่งมีการเรียนการสอนในหลายรูปแบบ เอาล่ะค่ะ ทีนี้มาถึงช่วงงงๆ กันแล้วว่าโรงเรียนทางเลือกคืออะไร? แล้วการสอนที่ว่าหลายรูปแบบนั้นเป็นอย่างไร? วันนี้โน้ตรวบรวมมาไว้ให้แล้วค่ะ ไปดูกัน

โรงเรียนทางเลือกคืออะไร?

ปัจจุบันเริ่มมีโรงเรียนทางเลือกเกิดขึ้นมากมายและเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้น เพราะมีหลักสูตรและวิธีการสอนที่ต่างจากโรงเรียนตามกระแสหลักทั่วไป แต่โรงเรียนเหล่านี้ยังอยู่ในกฎหมายรองรับและมีการจัดการศึกษาที่อิงกับระบบของกระทรวงศึกษาธิการอยู่ค่ะ

โรงเรียนทางเลือกเป็นโรงเรียนที่มีระบบการศึกษาแบบเปิดให้มีความยืดหยุ่นมากกว่าทั้งในด้านของหลักสูตร การเรียน การสอน รวมไปถึงด้านของการประเมินผล โดยไม่ได้ยึดตามแนวทางเดิมคือ ท่องจำ ไม่ได้เน้นเรื่องการอ่าน การเขียนอย่างเดียว กลับกัน…จะเน้นการพัฒนาทักษะของเด็กในด้านต่างๆ ให้เติบโตและเหมาะสมตามวัย เน้นส่งเสริมความสามารถเฉพาะตัวของเด็ก เน้นการสอนเจาะจง ใกล้ชิดเป็นกลุ่ม เพื่อให้เด็กมีความกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้

คุณพ่อคุณแม่ได้ทราบแล้วว่าโรงเรียนทางเลือกคืออะไร? ต่อไปโน้ตจะพูดถึงเรื่องแนวทางการสอนกันบ้างนะคะ ซึ่งมีหลายรูปแบบเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้าง? แล้วแต่ละรูปแบบมีรายละเอียดเป็นอย่างไร? ไปไล่เรียงกันเลยค่ะ

รูปแบบการสอนของโรงเรียนทางเลือก

แนวการสอนแบบวอลดอร์ฟ(Waldorf Method)

สำหรับแนวการสอนนี้ขะมีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของคนต้องเกิดจากความสมดุลของความคิด ความรู้สึก ซึ่งถ้าเด็กได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย เด็กจะเกิดการถ่ายทอดความคิดและการเรียนรู้ไปกับกิจกรรมที่ทำอยู่ เน้นไปในแนวทางธรรมชาติ หัวใจของการสอนแนวนี้ คือ การสร้างสมดุลของจิตมนุษย์ 3 ประการ คือ ความคิด ความรู้สึก และการกระทำ โดยไม่มีเทคโนโลยีภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง

แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori Method)

เน้นในเรื่องการใช้อุปกรณ์ในการสอน ให้เด็กได้เรียนรู้จากการสัมผัสด้วยมือ และเลือกเล่นอุปกรณ์ตามที่ครูได้จัดไว้ให้ตามความสนใจของตนเอง ครูจะเป็นผู้ที่คอยกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจและสามารถค้นพบได้ด้วยตัวเองผ่านการสังเกต และเด็กจะต้องได้เรียนรู้วิชาพื้นฐานที่สำคัญ อาทิ การอ่าน การเขียน เลขคณิต สุขอนามัย และการเคลื่อนไหว เป็นต้น

แนวการสอนแบบวิถีพุทธ (หรือ พุทธธรรมประยุกต์)

แนวการสอนนี้จะเน้น “สอนให้รู้ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น” การประเมินผลจะเน้นด้านคุณลักษณะนิสัย ศรัทธา ค่านิยม ที่ส่งเสริมให้เกิดความเจริญงอกงามตามลักษณะแห่งปัญญาวุฒิธรรม 4 ประการ คือ

  • สัปปุริสสังเสวะ หมายถึง การอยู่ใกล้คนดี ใกล้ผู้รู้
  • สัทธัมมัสสวนะ หมายถึง เอาใจใส่ศึกษา โดยมีหลักสูตรการเรียนการสอนที่ดี
  • โยนิโสมนสิการ หมายถึง มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ พิจารณาเหตุผลที่ดีและถูกวิธี
  • ธัมมานุธัมปฏิปัตติ หมายถึง ความสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ถูก

แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์(Neo-Humanist Education)

เป็นการนำศาสตร์ของตะวันออกและตะวันตกมาผสมกัน เช่น ให้เด็กฝึกสมาธิ และฝึกทำโยคะ พร้อมกับใช้เสียงเพลงเข้าร่วมในการสอนด้วย

แนวการสอนแบบเรกจิโอเอมิเลีย (Reggio Emilia)

แนวการสอนนี้เชื่อว่าเด็กสามารถสร้างทฤษฎี ความเชื่อ และความเข้าใจในสิ่งที่เด็กสนใจได้ เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ เพราะครูจะให้เด็กๆ ได้ค้นคว้าหาข้อมูล หาคำตอบเองจากความเชื่อของเด็กๆ

แนวการสอนแบบพหุปัญญา (Multiple Intelligence)

แนวคิดนี้ถูกคิดค้นและพัฒนาโดย ศาสตราจารย์ โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ ที่เชื่อว่าปดกติแล้วมนุษย์ทุกคนมีปัญญา และมีในหลายด้านด้วยกัน แต่จะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน มีด้วยกัน 9 ด้าน ดังนี้

  • ปัญญาด้านภาษา
  • ปัญญาด้านตรรกะ และคณิตศาสตร์
  • ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์
  • ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย
  • ปัญญาด้านดนตรี
  • ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ หรือการรู้ผู้อื่น
  • ปัญญาด้านการรู้ตนเอง
  • ปัญญาด้านการรู้ธรรมชาติ
  • ปัญญาด้านการรู้ใคร่ครวญ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ การเรียนการสอนในปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปเยอะค่ะ การที่คุณพ่อคุณแม่ได้ศึกษาข้อมูลของแต่ละโรงเรียนก่อนพาลูกเข้ารับการศึกษานับว่าเป็นสิ่งที่ดีนะคะ เพราะจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้เข้าใจว่าโรงเรียนนั้นๆ มีหลักสูตร หรือมีแนวทางการสอนตรงกับความต้องการของเราหรือเปล่า?

อ้างอิง www.edtechbook.com

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP