ลูกเดินช้า จะช่วยกระตุ้นลูกได้อย่างไร

พัฒนาการเด็กและสุขภาพลูกวัย 0-1 ขวบ
JESSIE MUM

ความกังวลใจของคุณแม่เกี่ยวกับลูกมีไม่กี่อย่างหรอกค่ะ ก็แค่ทำไมลูกกินนมน้อย ลูกร้องไห้ไม่หยุดเพราะอะไร ลูกไม่ถ่ายมา 2 วันแล้วลูกท้องผูกหรือเปล่า ทำไมลูกนอนหลับได้นานมากกว่าปกติ ทำไมลูกชอบตื่นกลางดึก ตลอดจนพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูก เช่น ทำไมลูกเดินช้า เป็นต้น

พัฒนาการด้านการเดินแต่ละช่วงวัย

โดยทั่วไปในแต่ละวัยของเด็กจะมีพัฒนาการด้านการเดิน ดังนี้

ช่วงวัย 3 – 4 เดือน

ให้คุณแม่สังเกตขณะที่ลูกนอนคว่ำ ลูกน้อยจะใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวเองขึ้นมา ให้หน้าอกห่างจากพื้นได้เล็กน้อย ซึ่งถือเป็นการฝึกกล้ามเนื้อลำตัวให้แข็งแรง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพัฒนาการขั้นถัดไป นั่นก็คือ การนั่ง และการยืนนั่นเอง

ช่วงวัย 5 เดือน

ขณะที่คุณพ่อคุณแม่อุ้มประคองลูกน้อยไว้ในท่าที่พยุงลูกน้อยยืน เขาจะถีบตัวเองขึ้น-ลงจากพื้น ดูเหมือนการกระโดด ซึ่งเป็นการฝึกกล้ามเนื้อของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี

ช่วงวัย 6 – 10 เดือน

ลูกน้อยจะเรียนรู้เรื่องการนั่งได้เอง ต่อมาก็จะคลานได้ ที่สำคัญเป็นการฝึกระบบการทรงตัวของร่างกาย รวมทั้งฝึกการเคลื่อนไหวที่ต้องมีการทำงานประสานกันของแขนทั้งซ้ายและขวา

ช่วงวัย 9 – 15 เดือน

มาในช่วงนี้ลูกน้อยจะเริ่มมีการหัดยืน ด้วยการเหนี่ยวตัวเองกับสิ่งของต่าง ๆ เริ่มมีการตั้งไข่ และเดินไต่สิ่งของนั้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งลูกน้อยจะเริ่มปล่อยมือและค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยตัวเอง

ช่วงวัย 14 – 15 เดือน

ลูกน้อยเริ่มเดินได้เอง แต่บางครั้งคุณแม่อาจเห็นว่าลูกน้อยชอบเดินเร็ว และล้ม นั่นเป็นเพราะว่าเขายังควบคุมกล้ามเนื้อขาได้ไม่ดี (ซึ่งก็อยู่ในช่วงการฝึกนี้) ผนวกกับใจที่ไปไวกว่าตัว อยากจะเรียนรู้สิ่งนั้น อยากจะเห็นสิ่งนี้นั่นเองค่ะ

สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับพัฒนาการด้านการเดินของลูก

เพื่อเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นพัฒนาการด้านการเดินของลูก คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมสิ่งต่าง ๆ ไว้ ดังนี้

แผ่นรองคลาน

โดยเฉพาะบริเวณที่ลูกหัดเดินเป็นประจำ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของลูกน้อยที่อาจเกิดขึ้นได้ และที่สำคัญ เพื่อคุณพ่อคุณแม่จะได้สบายใจด้วยนั่นเองค่ะ ว่าลูกจะไม่เจ็บมากหากต้องล้ม

เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสม

จากประสบการณ์ การที่ลูกน้อยหัดเดินเค้าจะใช้ปลายเท้า (ช่วงนิ้วเท้า) ในการจิก เพื่อช่วยในการทรงตัว ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่เลือกเสื้อผ้าหรือชุดสูทที่คลุมเท้าแบบนี้จะทำให้ลูกน้อยหัดยืนและเดินได้ยาก แถมลื่นอีกต่างหากนะคะ

เลือกผ้าอ้อมให้เหมาะสม

ให้คุณแม่เลือกผ้าอ้อมที่นุ่มใส่สบาย แผ่นบาง เพื่อช่วยให้การเคลื่อนไหวของลูกเป็นไปได้อย่างสะดวก และผ้าอ้อมจะได้ไม่เสียดสีกับขาด้านในของลูกจนเกิดเป็นแผล

หายางกันมุมโต๊ะหรือตู้

เมื่อลูกน้อยหัดเดิน ให้คุณพ่อคุณแม่เช็คสิ่งของต่าง ๆ ในบ้านให้ดีว่ามีส่วนไหนที่เสี่ยงอันตรายต่อลูกหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นมุมโต๊ะ ตู้ หรือของเตียง ควรหายางกันมุมโต๊ะมาติดไว้ กันลูกล้มชนจนอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

จะช่วยกระตุ้นให้ลูกเดินได้อย่างไร?

คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกฝึกเดินได้ ดังนี้

โอกาสทองในช่วงขวบปีแรก

หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มสังเกตเห็นว่าลูกมีพฤติกรรมที่จะตั้งไข่ หรือจะยืน ให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยอุ้มลูกน้อยด้วยการพยุงที่ไต้วงแขนทั้งสองข้าง และพาลูกค่อย ๆ เดินไป เพื่อฝึกความเคยชินของลูก

บริหารร่างกาย

ให้คุณพ่อคุณแม่บริหารร่างกายของลูกน้อย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อขา อาจเป็นท่าที่หดขาเข้าและยืดออก ค่อย ๆ ทำอย่างนุ่มนวลนะคะ

เป็นไกด์ไลน์ให้ลูก

เพราะลูกน้อยยังไม่รู้วิธีที่นั่งจากท่ายืน ดังนั้น ในการฝึกเดินลูกอาจติดขัดปัญหา และร้องให้คุณแม่ช่วย คุณแม่ควรช่วยลูกน้อยด้วยการที่มือข้างหนึ่งประคองที่หน้าอกลูกก่อน (ป้องกันการที่ลูกน้อยปล่อยมือจากสิ่งของที่เกาะกะทันหัน แล้วคางอาจกระแทกได้) และใช้มืออีกข้างค่อย ๆ งอเข่าลูกช้า ๆ เพื่อให้เขารู้ว่าก่อนนั่งควรงอเข่าก่อน หลังจากนั้นลูกก็จะเรียนรู้ได้ค่ะว่าจากท่ายืนจะไปท่านั่งควรทำอย่างไร

พยุงลูกให้ลูกตั้งไข่

เพื่อให้ลูกน้อยได้หัดตั้งไข่ได้นานขึ้น ระหว่างที่พยุงลูกน้อยให้ตั้งไข่อยู่นั้น ให้คุณพ่อคุณแม่หาของเล่น หรือคุยเล่นกับลูกน้อย ให้ลูกน้อยได้เพลิน ๆ ซึ่งก็จะทำให้เขายืนได้นานขึ้น

ฝึกให้ก้าวเดินออกมา

เช่น คุณพ่อคุณแม่อาจยืนฝั่งตรงข้ามกัน จับมือของลูกไว้ทั้งสองข้าง จากนั้นค่อย ๆ ถอยหลังจากลูก ปล่อยมือจากลูก และกระตุ้นให้เขาเดินไปหาอีกฝั่ง

**ข้อควรรู้ หากลูกน้อยมีอายุ 15 เดือนแล้ว แต่ลูกยังไม่มีวี่แววว่าจะหัดเดิน แบบนี้ควรปรึกษาแพทย์ทันทีนะคะ

พัฒนาการด้านการเดินของเด็กแต่ละคนนั้นอาจมีช้าและเร็วต่างกัน แต่จากข้อมูลด้านพัฒนาการด้านการเดินของแต่ละช่วงวัยที่ได้กล่าวมา คุณแม่สามารถกระตุ้นเรื่องการหัดเดินของลูกได้นะคะ พร้อมกับหมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูก เพราะถ้าหากมีอะไรที่ผิดปกติ ก็จะได้เข้ารับการวินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP