วิธีดูแลบาดแผลจากความซนของเจ้าตัวเล็ก

การดูแลสุขภาพเด็ก

ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกน้อยในวัยกำลังโตของคุณจะซุกซนวิ่งเล่นแล้วมีการพลาดพลั้งเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ จนมีบาดแผลต่างๆ มาฝากให้คุณต้องเป็นห่วงกัน แต่ทำใจให้สบายถือว่าให้เขาได้เรียนรู้และถือโอกาสสอนให้เขาระมัดระวังตัวให้มากขึ้น แล้วมาเรียนรู้วิธีดูแลรักษาบาดแผลประเภทต่างๆ ที่ได้มาจากความซุกซนของเจ้าตัวเล็กกันดีกว่า

แผลแต่ละประเภทดูแลแตกต่างกัน

แผลฟกช้ำ

เป็นไปได้มากที่จะเกิดแผลฟกช้ำเพราะลูกอาจจะพลาดไปโดนของแข็งหนีบ กระแทก นั่นเองและก็จะไม่มีบาดแผลหรือว่ามีเลือดออกมาภายนอกแต่ภายใต้ผิวหนังนั้นยังเกิดการฉีกขาดอยู่จึงทำให้เป็นสาเหตุของการฟกช้ำที่ทำให้เกิดอาการบวมและทำให้สีผิวเปลี่ยนไปได้นั่นเอง

โดยวิธีดูแลรักษานั้นก็ไม่ยากเริ่มต้นจากการประคบเย็นในช่วง 24 ชั่วโมงแรกที่เกิดแผลผกช้ำเพื่อเป็นการห้ามเลือดหลังจาก 24 ชั่วโมงแรกแล้วนั้นค่อยเปลี่ยนมาเป็นประคบด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดอาการบวมช้ำ และที่สำคัญอย่าคลึง ขยี้ หรือนวดด้วยความร้อนจากพวกยาหม่อง ยาแก้เคล็ดขัดยอก เพราะว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มีเลือดออกใต้ผิวหนังมากขึ้นอีกด้วย

แผลถลอก

การหกล้ม สะดุดไถล และการลื่น มักจะเป็นสาเหตุของแผลถลอกแต่ไม่ต้องกังวลมากไปเพราะแผลถลอกส่วนใหญ่นั้นจะเป็นแผลแบบตื้นๆ มีเลือดซึมออกมาเพียงเล็กน้อย หรือในบางครั้งอาจจะมีเป็นน้ำใสๆ หรือเหนียวออกมาจากผิวหนัง แต่ที่น่าเป็นห่วงคือพวกฝุ่นละอองในบริเวณที่หกล้มที่ติดมากับแผลมากกว่าเพราะอาจจะเป็นสาเหตุของการอักเสบและติดเชื้อได้

ถ้าลูกเกิดแผลถลอกขึ้นมาคุณก็เพียงหาผ้าสะอาดหรือสำลีกดห้ามเลือดเบาๆ ก่อนแล้วค่อยใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำสะอาดมากำจัดสิ่งสกปรกรอบแผลออกให้หมด ถ้าแผลดูสกปรกมากก็ควรใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพื่อฆ่าเชื้อ แล้วใส่เบตาดีนทาให้ทั่วบริเวณผิวหนังที่ถลอก และถ้าสังเกตดูแล้วแผลมีความลึกอยู่ก็ขอแนะนำให้นำผ้ากอชมาปิดแผลไว้เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าสู่แผลนั่นเอง

แผลจากการถูกบาด

ไม่ว่าจะเป็นการถูกบาดจากมีด เศษแก้ว โลหะ เข็ม ตะปู ของปลายแหลม ก็มีหลักการป้องกันการติดเชื้อเบื้องต้นที่ไม่ต่างกันมากนัก เริ่มจากการใช้ผ้าสะอาดกดแผลไว้เบาๆ เพื่อห้ามเลือดแต่ถ้าเป็นแผลถูกบาดที่ยาวและลึกนั้นก็อาจจะเพิ่มความหนาของผ้าที่ใช้กดเข้าไปด้วย และค่อยๆ ใช้น้ำสะอาดล้างแผลแล้วหาผ้าสะอาดมาปิดแผลเอาไว้ ถ้าเกิดทิ้งระยะไว้สักพักแล้วมีลักษณะอาการบวม แดง มีกลิ่น ทางที่ดีควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบให้ดีว่าแผลลึกจนต้องเย็บหรือควรได้รับยาฆ่าเชื้อใดๆ หรือไม่นั่นเอง

ปากแตกและฟันโยก

นี่อาจจะทำให้ลูกเสียขวัญไม่น้อยเพราะหน้าเขาอาจจะไปฟาดกับอะไรเข้าทำให้เกิดแผลลักษณะนี้แล้วนอกจากปากแตกถ้าแอบสังเกตเห็นว่าฟันหน้าบริเวณเหงือกของเขามีเลือดซึมและโยกเล็กน้อยแล้วด้วยนั้นก็มีวิธีการดูแลรักษากันอยู่

เริ่มจากการใช้ผ้าสะอาดเช็ดซับเลือดบริเวณที่ปากแตกและให้ลูกบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดก่อน และถ้าตรวจดูแล้วเลือดเริ่มหยุดซึมก็ให้ปรับเปลี่ยนในส่วนของอาหารการกินของลูกให้เป็นอาหารอ่อนๆ สักประมาณ 1 อาทิตย์เพื่อให้แผลกลับมาเข้าที่ตามเดิมและพยายามดูแลไม่ให้ฟันซี่นั้นถูกกระทบกระเทือน

แต่ถ้ามีอาการของฟันบิ่นเข้ามาด้วยล่ะก็ควรพาลูกไปปรึกษาแพทย์จะดีกว่าเพื่อให้ได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกต้อง เพราะหากปล่อยเอาไว้อาการฟันบิ่นอาจจะเป็นสาเหตุของฟันผุในอนาคตได้

แผลที่หัว

ในส่วนนี้ถ้าหัวไม่แตกแล้วเลือดออกมาก็อาจจะเป็นอาการปูด บวม หัวโน ที่เกิดจากแรงกระแทกจนทำให้เกิดเลือดคั่งในบริเวณนั้นจริงๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายในให้ละเอียดเพราะเด็กที่ยังเล็กเมื่อถูกการกระแทกบริเวณหัวก็ถือว่ายังต้องเป็นห่วงและเฝ้าระวังกันอยู่เพราะกะโหลกของเขายังบอบบาง

แต่ขั้นตอนก่อนจะไปพบแพทย์นั้นคุณสามารถดูแลได้ด้วยการเอาน้ำแข็งประคบบริเวณที่ปูด โน เพื่อให้เส้นเลือดหดตัวลงและลดอาการเจ็บ จากนั้นก็เฝ้าดูอาการของลูกประมาณ 24 ชั่วโมง ถ้าเกิดอาการซึม และอาเจียนโดยไม่ทราบสาเหตุ พาลูกขึ้นรถและสตาร์ทไปโรงพยาบาลได้เลยเพราะเขาต้องการความช่วยเหลือจากแพทย์แล้วนั่นเอง

แก้วตาดวงใจมีบาดแผลคงทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลและเป็นห่วงไม่น้อยแต่ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติและให้พยายามป้องกันอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเป็นการช่วยลดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเขานั่นเอง แต่ถ้าบังเอิญความซนของเขายังพาแผลมาฝากก็ดูแลไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็นและอย่าดุเขาเพราะอาจจะทำให้เขาเครียดและกลัวได้ ควรสอนเขาด้วยเหตุและผลพร้อมทั้งสอนวิธีการป้องกันและดูแลตัวเองให้เขาไว้จะดีกว่า

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP