วัคซีนที่จำเป็นตั้งแต่แรกเกิดจน 12 เดือน

การดูแลสุขภาพเด็ก

ตอนนี้โรคภัยต่างๆ ค่อนข้างมีวิวัฒนาการที่รวดเร็วมากดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือการที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยศึกษาหาวิธีป้องกันไว้ให้กับลูกน้อยโดยวิธีหลักๆ ในการป้องกันเบื้องต้นก็คือการฉีดวัคซีน ซึ่งก็จะมีมากมายหลายแบบตามที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุ

ซึ่งในวันนี้จะมาแนะนำวัคซีนที่สำคัญและควรฉีดให้กับลูกน้อยวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 12 เดือน เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้เตรียมตัวได้ทันเพื่อปกป้องลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคภัยต่างๆ นั่นเอง

มารู้จักกับวัคซีนกันก่อน

วัคซีนมีที่มาจากแบคทีเรีย ไวรัส และสารพิษ พอฟังแล้วก็น่าตกใจว่าจะเอาของไม่ดีพวกนี้เนี้ยนะมาฉีดเข้าร่างกายลูกน้อยของคุณคำตอบก็คือ ใช่! เราจะต้องฉีดเจ้าสิ่งต่างๆ เหล่านี้เข้าไปในร่างกายของลูกคุณ แต่สบายใจได้เพราะมันคือแบคทีเรีย ไวรัส และสารพิษที่ถูกทำให้หมดฤทธิ์แล้ว มันจะหมดจากความเป็นพิษต่างๆ ลงไปเรียบร้อย
โดยเมื่อเราได้ฉีดวัคซีนต่างๆ เข้าไปในร่างกายแล้วจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้รู้จักกับเชื้อที่ไม่เคยเจอมาก่อนเพื่อที่ระบบสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายจะได้เรียนรู้ว่าจะรับมือกับเชื้อชนิดนั้นๆ ได้อย่างไรบ้างนั่นเอง

จดไว้ให้ดี 6 วัคซีนของเด็กแรกเกิดถึง 12 เดือน

1. วัคซีนบีซีจี (BCG)

เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันวัณโรคที่ต้องฉีดให้เด็กทารกแรกเกิดภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากคลอด เพื่อป้องกันการอาเจียน มีไข้ และปวดหัวรุนแรง รวมไปถึงอาการคอแข็งที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะวัณโรคสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านทางการหายใจหรือเข้ามาทางบาดแผลนั่นเอง
ถือว่าเป็นวัคซีนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากและเป็นด่านแรกที่จะช่วยให้ลูกน้อยของคุณแข็งแรงตั้งแต่แรกเกิด

2.วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี (HBV)

เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์คุณแม่ต้องไปรีบไปพบคุณหมอเพื่อฝากครรภ์และตรวจเลือดหาสภาวะการติดเชื้อโรคต่างๆ รวมไปถึงพาหะไวรัสตับอักเสบบีด้วย เพราะโรคนี้สามารถติดต่อได้ตั้งแต่ในครรภ์ผ่านสายรก โดยวัคซีนนี้จะแบ่งการฉีดออกเป็น 3 ครั้ง คือตอนแรกเกิด, 1 เดือน และ 6 เดือนคุณแม่ต้องคอยใส่ใจเพราะหากลูกน้อยติดเชื้อนี้แล้วจะต้องรักษากันอย่างยาวนานและกลายเป็นโรคประจำตัวที่ค่อนข้างอันตราย

3.วัคซีนป้องกันคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดเซลล์ (DTwP)

วัคซีนนี้จะเป็นวัคซีนรวม 3 โรค ทั้งคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน ชนิดเซลล์ ที่ติดต่อผ่านการไอ จาม หรือน้ำมูกของผู้ป่วยและติดเชื้อผ่านทางบาดแผล
การฉีดเพื่อป้องกันโรคพวกนี้จะแบ่งการฉีดเป็น 3 ครั้ง และฉีดกระตุ้นอีก 2 ครั้ง โดยเริ่มฉีดครั้งแรกตอนอายุ 2 เดือน, 4 เดือน และ 6 เดือน และค่อยไปกระตุ้นอีกครั้งตอนขวบครึ่งและ 4 ขวบเพื่อเป็นการย้ำให้แต่ละช่วงอายุมีการกระตุ้นตัวเองและได้ให้ระบบภูมิคุ้มกันเรียนรู้การป้องกันตัวเองต่อไป

4.วัคซีนป้องกันโปลิโอ (OPV)

เมื่อปล่อยให้เชื้อโปลิโอเข้าสู่ร่างกายได้ มันจะไปทำลายเซลล์ประสาทไขสันหลังและระบบประสาทต่างๆ จนกล้ามเนื้ออ่อนแรงและอาจหนักถึงขั้นเป็นอัมพาตได้เลย การให้วัคซีนชนิดนี้จะเป็นแบบกินหรือการหยอด โดยจะให้ทั้งหมด 3 ครั้ง คือตอนที่ลูกอายุ 2 เดือน, 4 เดือน และ 6 เดือน
การติดเชื้อโปลิโอเป็นเรื่องที่ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของลูกน้อยเกิดความยุ่งยากและอาจมีผลไปจนถึงการเสียความมั่นใจจากบุคลิกของตนเองอีกด้วย

5.วัคซีนป้องกันโรคหัด – หัดเยอรมัน – คางทูม (MMR)

ถ้าคุณแม่ติดเชื้อหัดหรือหัดเยอรมันตั้งแต่ท้องอาจจะทำให้ลูกในครรภ์ถึงขั้นพิการได้เพราะฉะนั้นเด็กควรจะได้รับการฉีดวัคซีนเมื่ออายุ 9 – 12 เดือน เพื่อป้องกันไว้ก่อนเพราะการฉีดแค่ครั้งเดียวก็ป้องกันโรคนี้ได้ตลอดชีวิต วัคซีนนี้จะป้องกันได้ทั้ง 3 โรค โดยฉีดหนึ่งเข็มตอนอายุ9-12 เดือนขึ้นไป และค่อยฉีดกระตุ้นอีกครั้ง ตอนอายุ 4-6 ปี

6.วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ (JE)

โรคนี้ติดต่อกันได้โดยมียุงเป็นเป็นพาหะ และในประเทศไทยก็เป็นที่รู้กันดีว่ายุงเยอะมากและเราไม่สามารถป้องกันลูกน้อยจากยุงได้ตลอดเวลา คือเมื่อยุงบินไปกัดสัตว์ที่มีเชื้อไวรัสไข้สมองอักเสบแล้วมากัดลูกน้อยก็จะทำให้เชื้อไวรัสนั้นผ่านเข้ามาทางเลือด เชื้อก็จะแตกตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนขึ้นสมองซึ่งอันตรายถึงชีวิต

การฉีดวัคซีนนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ครั้ง คือ ฉีดระหว่างที่เด็กอายุ 9-18 เดือน โดยฉีดเข็มที่ 1 และ 2 ห่างกัน 4 อาทิตย์ และมีการฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อโตประมาณ 2 ขวบหรือ 2 ขวบครึ่ง
นี่ก็เป็นวัคซีนที่สำคัญและต้องไม่ลืมที่จะฉีดให้กับเด็กวัยแรกเกิดถึง 12 เดือน เพื่อเป็นการปกป้องลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคร้ายที่อาจจะทำให้เขาทรมานในระยะยาวได้ถ้าหากพลาดไปติด เป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ให้เขาได้เติบโตอย่างสมบูรณ์และสมวัย

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP