เด็กในวัยก่อนเข้าชั้นอนุบาลในปัจจุบันจะมีสถานบันและสถานที่รองรับเพื่อเลี้ยงดูและฝึกทักษะก่อนอยู่เสมอซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคุ้นเคยกันดีในชื่อที่เรียกกันว่าเนอสเซอรี่นั่นเอง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีข่าวสารต่างๆ ออกมามากมายเหลือเกินถึงความผิดพลาดหรือความรุนแรงและเป็นอันตรายกับเด็กเล็กที่เกิดขึ้นภายในเนอสเซอรี่ จนทำให้คุณพ่อคุณแม่ที่อาจจะกำลังมองหาเนอสเซอรี่ให้ลูกน้อยอยู่เกิดความกังวล วันนี้เราจึงเตรียมเทคนิคการเลือกเนอสเซอรี่มาไว้ให้คุณได้ลองเก็บไปพิจารณากันดูว่าเนอสเซอรี่ที่พวกคุณเล็งเอาไว้พอจะเหมาะสมบ้างหรือเปล่า…จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
สารบัญ
อะไรบ้างที่ควรพิจารณาก่อนเลือกเนอสเซอรี่
ค่าใช้จ่าย
นี่คือเรื่องแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาและวางแผนกันให้ดีเพื่อที่จะได้ไม่ให้เรื่องนี้กลายมาเป็นปัญหาระยะยาวของครอบครัวในอนาคตนั่นเอง
ที่ตั้ง
เรื่องนี้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเพื่อให้เป็นการสะดวกสบายกับการเดินทางและทั้งคุณพ่อคุณแม่เองรวมถึงลูกน้อยจะได้ไม่เหนื่อยมากนั่นเอง
นโยบายของทางเนอสเซอรี่
เนอสเซอรี่นั้นเด็กที่ไปอยู่อาจจะอายุน้อยมากทำให้ต้องถามไถ่นโยบายและกฎระเบียบกันให้ดีก่อน อย่างบางที่สนับสนุนการให้นมแม่ บางที่มีการให้ผลไม้แทนขนมหวาน เป็นต้น
คุณภาพ
ในข้อนี้รวมทั้งในเรื่องของสถานที่และความปลอดภัยด้วย เพราะเด็กมักจะซนจึงต้องตรวจสอบความเรียบร้อยให้ดี อย่างเช่นไม่มีประตูที่เด็กสามารถออกไปสู่ถนนข้างนอกได้ง่ายๆ มีการรักษาความปลอดภัยของผู้ปกครองที่มารับส่งเด็กและคนที่เข้าออกเนอสเซอรี่ มีระบบป้องกันภัยต่างๆ สนามเด็กเล่นมีคุณภาพดีแข็งแรง มีกล้องวงจรปิด เป็นต้น
บุคลากร
เริ่มต้นจากการตรวจดูให้แน่ใจว่ามีบุคลลากรเพียงพอที่จะดูแลเด็กๆ ได้อย่างทั่วถึงและเหมาะสม เข้าใจการเลี้ยงเด็กทั้งเรื่องของร่างกายและจิตใจรวมทั้งเข้าใจการส่งเสริมทั้งพัฒนาการและทักษะต่างๆ ให้กับเด็กๆ ได้อย่างเหมาะสม ถ้ามีใบรับรองการก่อตั้งสถานประกอบการด้วยแล้วยิ่งเป็นสถานที่ที่น่าเลือกขึ้นมาอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว
มีระบบการดูแลสุขภาพของเด็กที่ได้มาตรฐาน
เด็กๆ ส่วนใหญ่ยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงกันมากนักดังนั้นจึงควรมองหาเนอสเซอรี่ที่สามารถแยกลูกคุณออกจากเด็กๆ ที่ป่วยหรือมีที่พักและดูแลเมื่อลูกของคุณเกิดป่วยขึ้นมากะทันหันพร้อมทั้งยังสามารถดูแลลูกได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
กิจกรรมในแต่ละวันของเนอสเซอรี่เป็นอย่างไรบ้าง
ทั้งการเรียนรู้และการได้เล่นของเด็กๆ ในวัยนี้นั้นควรควบคู่ไปด้วยกันอย่างสมดุลเพื่อเป็นการส่งเสริมทักษะและพัฒนาการของเขาให้สมวัยนั่นเอง บางทีถ้าให้เล่นมากเกินไปไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เลยก็อาจจะถูกใจเด็กแต่เมื่อเขาต้องเข้าโรงเรียนก็อาจจะทำให้เขาช้ากว่าเพื่อนๆ และกลายเป็นปัญหาของเขาในอนาคตก็เป็นได้
เริ่มจากการเลี้ยงลูกจากบ้านให้มีจิตใจและร่างกายที่แข็งแรง คอยถามไถ่สิ่งที่ลูกเจอและรู้สึกอยู่เสมอ ให้เขากล้าพูดและอุ่นใจเมื่อคุณพ่อคุณแม่อยู่กับเขา และไม่กลัวที่จะก้าวออกไปเผชิญโลกภายนอกเพียงลำพังบ้าง พร้อมทั้งเป็นการเริ่มต้นการเข้าสังคมที่ดีกับลูก ทั้งหมดนี้ทั้งทางครอบครัวและเนอสเซอรี่เองต้องมีความเป็นไปต่างๆ ไปในทางเดียวกันเพื่อที่จะทำให้เกิดผลที่ดีที่สุดกับลูกนั่นเอง