อีกหนึ่งปัญหาคลาสสิกที่หลายครอบครัวกำลังเผชิญก็คือ เรื่องของ “ลูกติดหวาน” เพราะความหวานกับเด็กเป็นของคู่กัน เด็กบางคนพอได้กินหวานแล้วติด กู่กลับยาก (ยังไม่ถึงกับกู่ไม่กลับนะ) ซึ่งยังแสดงว่ายังพอมีทางแก้ไขได้ วันนี้โน้ตมีเทคนิคในการปลูกฝังการกินที่ถูกต้อง พร้อมทั้งวิธีแก้ไขสำหรับเด็กที่ติดหวานไปแล้วมาฝากค่ะ
Youtube : ลูกติดหวาน ตัวการโรคร้าย แก้ไขอย่างไรดี
อาหารที่ถูกหลักโภชนาการของลูกน้อย
อายุแรกเกิด – 6 เดือน
เด็กในวัยนี้ควรทานแต่นมแม่อย่างเดียว แต่หากเด็กที่ไม่สามารถทานนมแม่ได้ก็ให้ทานนมผงสำหรับเด็กแรกเกิดแทน เพราะในนมแม่มีสารอาหารที่ครบถ้วนดีอยู่แล้ว อีกทั้งย่อยง่าย เป็นมิตรกับระบบย่อยอาหารของทารก
อายุ 6 – 9 เดือน
ทานอาหารเสริมวันละ 1 มื้อ ควบคู่ไปกับนม เน้นให้ครบ 5 หมู่ เน้นรสธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงรสอะไรนะคะ
อายุ 9 – 12 เดือน
เพิ่มอาหารเสริมเป็น 2 มื้อ ควบคู่ไปกับนมอยู่ สามารถเสริมผลไม้เป็นของว่างได้ เน้นผลไม้ที่นิ่ม ทานง่าย ย่อยง่าย
อายุครบ 1 ขวบ
สามารถทานอาหารให้ครบ 3 มื้อได้แล้วค่ะ ส่วนนมให้เป็นเพียงของว่างแทน แต่ยังคงเน้นรสธรรมชาติอยู่ ไม่ปรุงรสมากหรือถ้าไม่ปรุงเลยยิ่งดี
ลูกติดหวานแล้วแก้อย่างไร?
ลูกจะติดหวานหรือไม่ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูจากทางครอบครัวเป็นหลัก แต่…ถ้าลูกติดหวานไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องการจะแก้ไข ก็ยังสามารถทำได้ค่ะ
ลด ละ เลิก ของหวาน
การจะให้เด็กลด ละ เลิกอะไรซักอย่างต้องใช้เวลาค่ะ ให้คุณพ่อคุณแม่ค่อยๆ ลดปริมาณของหวานลง อาทิ ของหวาน น้ำหวาน และขนมกรุบกรอบ โดยเสริมของว่าเป็นพวกผลไม้แทน
เปลี่ยนขนมที่วางบนโต๊ะกินข้าวเป็นผลไม้
เป็นการปรับเปลี่ยนบรรยากาศจากเดิมที่มีถุงขนมวางบนโต๊ะกินข้าวมาเป็นวางผลไม้แทน
เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก
คุณพ่อคุณแม่คือ ต้นแบบที่ดีของลูก เพราะลูกจะเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ถ้าคุณพ่อคุณแม่กินผลไม้ กินผัก ให้ลูกดูเป็นประจำ เรียกว่าทำให้ลูกเห็นเลยค่ะว่า การที่คุณพ่อคุณแม่กินผักผลไม้นั้น มันเป็นชีวิตประจำวันของคุณพ่อคุณแม่ แล้วลูกก็จะเลียนแบบเอง
ทำกับข้าวกินเอง รสอ่อนๆ
สำหรับครอบครัวไหนที่เคยชินรสจัดมาก่อนจะมีลูก หลังจากนี้ไปต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองด้วยแล้วล่ะค่ะ หันมาทำอาหารทานเอง ปรุงรสอ่อนๆ ซึ่งก็เป็นการบังคับให้คุณพ่อคุณแม่กินรสอ่อนไปด้วยในตัว เป็นการรักษาสุขภาพตัวเองได้อีกทางหนึ่งเลยทีเดียว
ชมเชยตามสมควร เมื่อลูกทำได้
ในระหว่างการฝึกลูกน้อยให้ลดหวาน แล้วเปลี่ยนมาทานผักหรือผลไม้แทน หากลูกทำได้ คุณพ่อคุณแม่ควรชมเชยลูกตามสมควร เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเค้า ให้เค้าได้รู้ว่าลูกมาถูกทางแล้ว ลูกจะดีใจและจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
อย่าบังคับ
ในช่วงแรกหากลูกยังไม่เข้าใจ ไม่ให้ความร่วมมือก็อย่างเพิ่งไปบังคับนะคะ เพราะเค้าจะเกิดการต่อต้าน แล้วอาจจะกลายเป็นกินหวานหนักขึ้นก็ได้
ตั้งกฎระเบียบ กติกาชัดเจน
เช่น ของว่างในหนึ่งวันสมมติว่ามี 2 มื้อ จากเดิมเป็นพวกขนมหวานหรือขนมกรุบกรอบทั้งหมด ก็ค่อยๆ ปรับมาเป็นผลไม้ 1 มื้อ และขนม 1 มื้อแทน หลังจากนั้นค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเป็นผลไม้ทั้ง 2 มื้อแทน
อธิบายผลเสียจากการทานหวาน
ข้อนี้โน้ตใช้วิธีคุยกับลูกแบบผู้ใหญ่เลยค่ะ เช่น ถ้าหนูกินหวานมากอาจเป็นเบาหวานได้นะคะ ลูกก็ถามต่อว่า “แล้วรักษาอย่างไร?” โน้ตก็อธิบายต่อ อธิบายในเรื่องจริง เค้าจะเข้าใจหรือไม่ ไม่เป็นไรนะคะ เพราะวัตถุประสงค์ของเราคือ ต้องการให้ลูกรู้ว่าผลเสียของการหวานจะเป็นอย่างไร รวมถึงผลเสียของการไม่กินผักผลไม้จะเป็นอย่างไร ซึ่งได้ผลดีทีเดียว
มาถึงตรงนี้แล้ว โน้ตอยากบอกว่าทุกอย่างต้อง “ใช้เวลา” ค่ะ โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องการแก้ไขหรือปรับพฤติกรรมอะไรซักอย่างของลูก แต่สิ่งหนึ่งเวลาที่โน้ตสอนลูก โน้ตจะอธิบายความจริง สอนในเรื่องจริง อย่าเพิ่งคิดว่าลูกไม่เข้าใจ อย่าเพิ่งคิดแทนลูก อธิบายไปเรื่อยๆ ค่ะ วันหนึ่งเค้าจะเข้าใจได้เอง เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวนะคะ