แนะ 7 วิธีให้พ่อแม่ ถ้าทำได้ลูกฉลาดแน่

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ
JESSIE MUM

ฉลาด เก่ง เป็นคนดีมีทั้งไอคิวและอีคิวที่สูง” มีพ่อแม่คนไหนไม่อยากให้ลูกมีคุณสมบัติเช่นนี้บ้างคะ? คงไม่มีใช่มั้ย? แต่…กว่าเด็กคนหนึ่งจะเติบโตมาได้จนมีคุณสมบัติที่ครบอย่างนี้ สถาบันที่มีความสำคัญในการปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ก็คงไม่จะเป็นสถาบันไหนไปไม่ได้นอกจาก “สถาบันครอบครัว” นั่นเอง

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้กล่าวไว้ว่า

“การที่จะพัฒนาเด็กให้เติบโตเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อม มีความฉลาดทั้งไอคิวและอีคิว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ และมีชีวิตที่เป็นสุขนั้น มาจากการเลี้ยงดูที่ดีของพ่อแม่เป็นหลัก การให้ความรักดูแลเอาใจใส่ การใช้เวลาร่วมกัน สามารถเสริมสร้างสายใยความผูกพันในครอบครัว จะทำให้เกิดความใกล้ชิดกันระหว่างพ่อแม่และลูก”

โดยวิธีที่พ่อแม่จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีและฉลาดมีด้วยกันทั้งหมด 7 วิธี ดังนี้

วิธีพัฒนาความฉลาดให้ลูก

ฉลาดคิด

ฝึกให้เด็กคิดในแง่บวก คิดในทางที่สร้างสรรค์ มีความเข้าใจในอารมณ์ของตนเอง สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ นอกจากนี้ ยังควรฝึกให้ลูกได้คิดในหลายๆ แง่มุม มองเรื่องราวต่างๆไ ในหลายๆ ด้าน หลากหลายวิธี และที่สำคัญ ให้ลูกได้เรียนรู้และรับรู้ถึงผลที่จะตามมาในแต่ละแง่มุม

พ่อแม่ลองตั้งคำถามปลายเปิดกับลูกบ่อยๆ ไม่ว่าเค้าจะตอบได้ ตอบไม่ได้ หรือตอบผิด ก็ไม่เป็นไรนะคะ พ่อแม่ค่อยอธิบายให้เค้าฟังในสิ่งที่ถูกต้องได้ค่ะ

ฉลาดสื่อสาร

การพูด
ฝึกให้ลูกสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกให้เด็กคิดและเลือกที่จะพูดแต่สิ่งที่ดีๆ มีประโยชน์ มีความปรารถนาดี และเจตนากับผู้อื่น พยายามเลี่ยงคำพูดในทางที่ไม่สร้างสรรค์

การฟัง
ควรปลูกฝังการเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับลูก เพราะ “การฟัง” เป็นอีกหนึ่งประตูสู่ความฉลาด เพราะเด็กจะได้รับข่าวสารใหม่ๆ อยู่เสมอ

ฉลาดทำ

ฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบ โดยเริ่มจากงานเล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้าน อาทิ การมอบหมายงานบ้านให้ทำ ลูกจะได้เรียนรู้การวางแผนว่าควรทำอะไรก่อน-หลัง ตั้งเป้าหมายในการทำงานบ้านให้สำเร็จ และเป็นการปลูกฝังความอดทน ขยัน หมั่นเพียร มีวินัย รู้จักควบคุมตนเอง ลูกๆ จะได้เรียนรู้การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และเมื่อทำสำเร็จ ลูกจะมีความภูมิใจในตัวเอง พอแม่เองก็พลอยภูมิใจไปด้วย

ฉลาดสัมพันธ์

ฝึกได้ลูกได้เข้าสังคมและสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นผ่านการเล่น ทั้งกับพ่อแม่ กับเพื่อน สิ่งที่ลูกจะได้จากการฝึกในเรื่องนี้ก็คือ

  • ลูกจะได้เรียนรู้เรื่องกติกา ได้รับความสนุกจากการเล่น
  • การแบ่งปันในสังคม
  • การช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
  • รู้จักการให้และการรับ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
  • การให้กำลังใจ การชื่นชมกันและกัน

เหล่านี้จะทำให้ลูกเห็นคุณค่าของการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ที่สำคัญ เมื่อลูกเติบโตไป เค้าจะเข้าสังคมได้ง่ายและรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้ดี

ฉลาดอารมณ์

เมื่อลูกรู้จักและรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองแล้ว ควรฝึกให้ลูกรู้เท่าทันอารมณ์ของคนอื่นด้วยนะคะ สังเกตคนอื่นและเอาใจเขามาใส่ใจเรา ที่สำคัญ เมื่อรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองแล้ว ก็ต้องรู้จักวิธีควบคุมอารมณ์ในส่วนนั้นๆ ด้วย เช่น ตอนนี้โกรธอยู่ จะจัดการอารมณ์ของตัวเองอย่างไรดี? หรือเกิดความไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก จะมีวิธีควบคุมตนเองได้อย่างไร เป็นต้น

เมื่อลูกได้รับการฝึกที่ดีแล้ว เค้าจะรู้จักการแสดงออกอย่างเหมาะสมกับบุคคล เวลา และสถานที่ค่ะ ฝึกได้ลูกได้เรียนรู้วิธีผ่อนคลายหรือวิธีคลายความโกรธในทางเหมาะสมด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นลูกอาจจะเห็นทางออกที่ไม่เหมาะไม่ควรด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ฉลาดเข้าใจ

เข้าใจตนเอง
เมื่อลูกมีความเข้าใจตนเองแล้ว เค้าจะแสดงความสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในความรู้สึกนึกคิดตนเอง รับรู้เรื่องราวของตนเองตามความเป็นจริง ลูกจะรู้ว่าตนเองมีความชอบด้านไหน มีความสามารถด้านไหน หรือถนัดด้านไหน

เข้าใจผู้อื่น
ก่อนที่ลูกจะเข้าใจผู้อื่นได้ดีนั้น ต้องเกิดจากการเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้งก่อน สิ่งนี้จะนำไปสู่การเข้าใจผู้อื่นได้อย่างแท้จริง

ฉลาดปรับตัว

การฝึกให้ลูกสามารถปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ มีวิธีจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะลูกจะสามารถเผชิญกับปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเองอย่างสร้างสรรค์ มีการตัดสินใจที่ดี มีความยืดหยุ่น ลูกจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขค่ะ

การสอนลูกต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์คู่กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทฤษฎีหรือวิธีการสอน พ่อ?แม่ต้องทำการบ้านพอสมควรในเรื่องนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยลดความเหนื่อย (พูด) ของพ่อแม่ได้ก็คือ “การเป็นตัวย่างในเรื่องการกระทำให้ลูก” ค่ะ

อ้างอิง hfocus.org

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP