เคล็ดไม่ลับกับการฝึกลูกน้อยให้มีความจำดี พร้อมกิจกรรมกระตุ้นความจำ

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

ในวัยเด็กกระบวนการการเรียนรู้เริ่มจากความจำก่อน ซึ่งเด็กจะจดจำสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก และสัมผัส ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ส่งเสริมและกระตุ้นความจำของลูกได้อย่างถูกต้องและถูกวิธีก็จะทำให้ลูกเป็นเด็กที่มีความจำดี เรียนดีได้ค่ะ ซึ่งวันนี้โน้ตมีเรื่องราวเกี่ยวกับรูปแบบและกิจกรรมในการช่วยกระตุ้นความจำลูกมาฝากค่ะ

รูปแบบการกระตุ้นให้ลูกมีความจำดี

สำหรับเรื่องของรูปแบบนั้นจะมีอยู่ 4 ข้อหลัก ๆ ด้วยกันค่ะ

อดทนและเข้าใจ

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีค่ะว่าการจะฝึกลูกหรือจะปลูกฝังอะไรลูกสักอย่างหนึ่ง “ต้องใช้เวลา” เพราะฉะนั้นหากคุณพ่อคุณแม่มีความอดทนไม่มากพอ อาจทำให้เกิดการระเบิดอารมณ์ใส่ลูกได้ ซึ่งสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำเลยก็คือ

ไม่คาดหวังในตัวลูกมากเกินไป

แต่อาจนำสถิติมาเทียบได้ หากลูกยังทำได้ไม่ดี ให้คุณพ่อคุณแม่หาแนวทางอื่น ๆ ที่เหมาะสมให้ลูกแทน

ไม่เอาลูกไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น แล้วพูดให้ลูกฟัง

เช่น ทำไมเพื่อน ๆ ในห้องทำได้ จำได้ แบบนี้แย่มากเลย ไม่ดีเลย

อีกหนึ่งเรื่อง คือ ความเข้าใจ หากคุณพ่อคุณแม่สอนลูกบนพื้นฐานของความเข้าใจแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะใจเย็นในการสอนลูกขึ้นมากทีเดียวค่ะ

ส่งเสริม

การส่งเสริมให้ลูกรักการอ่าน และมีความจำที่ดีนั้น ทำได้ดังนี้ค่ะ

หาหนังสือหรือบัตรคำ

ให้ลองหาหนังสือ บัตรคำ (สามารถโหลดฟรีได้จากอินเตอร์เน็ต) เริ่มจากหัวข้อที่ลูกชอบก่อน ส่วนเรื่องสมาธินั้น เด็กจะมีสมาธิมากน้อยต่างกันไปตามช่วงวัย

สร้างบรรยากาศ

ด้วยการจัดมุมหนึ่งเล็ก ๆ ของบ้านให้เป็นมุมอ่านหนังสือของลูก และอาจมีกระดานไวท์บอร์ดสักอันมาติดไว้ก็ได้ค่ะ

ระยะเวลาในการเรียนรู้

การฝึกลูกนั้นไม่ควรใช้เวลานานเกินไป อาจจะสัก 5-10 นาทีก็ได้ค่ะ บางครั้งถ้านานกว่านี้เด็กอาจเบื่อได้ และจะรู้สึกว่าไม่อยากอ่านหนังสืออีก

กระตุ้นและให้รางวัล

คุณพ่อคุณแม่อาจหากิจกรรมให้ลูกเล่นเช่น การเล่นบทบาทสมมติ เพราะลูกจะต้องจำให้ได้ว่า ตัวละครที่ลูกเล่นนั้นมีหน้าที่อะไรบ้าง ต้องทำอะไรบ้าง และมีขั้นตอนอย่างไร เมื่อลูกทำได้ก็อาจให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามสมควรค่ะ

ทำซ้ำและสม่ำเสมอ

หลังจากที่ลูกทำได้แล้ว ให้คุณพ่อคุณแม่ทำซ้ำแบบเดิม หากมั่นใจว่าลูกทำได้จริง ให้ลองเปลี่ยนในรายละเอียดอีกเล็กน้อย เพื่อเป็นการกระตุ้นความจำลูกได้ดีค่ะ โดยในหนึ่งอาทิตย์อาจจัดตารางเวลากิจกรรมให้เป็นเวลาเดิมทุกวัน เพื่อลูกจะได้รู้หน้าที่ของตัวเองในแต่ละวันอีกด้วยค่ะ

กิจกรรมกระตุ้นความจำ

กิจกรรมกระตุ้นความจำจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะทำให้ลูกได้ทั้งความสนุกและได้ทั้งความจำ เรามาดูในรายละเอียดของกิจกรรมกันดีกว่าค่ะ ว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างที่สามารถกระตุ้นความจำลูกได้

เล่นเกมที่ฝึกความจำ

อาทิ บัตรคำ เกมหาคำศัพท์ บิงโก จิ๊กซอว์ เกมจับคู่ภาพ หรือให้ลูกได้ลองทายว่าสัตว์แต่ละตัวมีเสียงร้องอย่างไร แบบนี้ก็ได้ค่ะ

เล่นดนตรี

การให้ลูกได้ร้องเพลง ฟังเพลง หรือเล่นดนตรีในทุก ๆ วัน จะเป็นช่วยให้ลูกมีความจำที่ดีขึ้น เพราะโดยปกติแล้วพัฒนาการของเด็กในวัย 3-5 ปีนี้ เขามีพื้นฐานความจำที่ดีอยู่แล้วค่ะ หากวันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ได้ยินลูกร้องเพลงที่เขาชอบได้จนจบเพลงไม่ต้องตกใจนะคะ^^

การเล่นดนตรี ถ้าเด็กคนไหนสามารถเล่นดนตรีได้จะยิ่งดีมากค่ะ เพราะเขาต้องใช้ความจำในเรื่องตัวโน้ต ซึ่งก็จะใช้หลักการเดียวกันกับการเรียนค่ะ

ฝึกสมาธิ

สำหรับเด็กเล็ก คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรคาดหวังมากค่ะเริ่มแรกอาจให้นั่งสัก 5 นาทีก่อน หรือบางครอบครัวอาจให้เริ่มจากการสวดมนต์ก่อนก็ได้ค่ะ

ดูแลเรื่องโภชนาการ

การให้ลูกได้ทานอาหารที่ครบ 5 หมู่เป็นสิ่งสำคัญ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจเน้นให้ลูกได้กินผัก ผลไม้ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบี 2 กรดโฟลิค ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม ทานเนื้อสัตว์หรืออาหารทะเล ที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้ดีค่ะ

ชวนลูกออกกำลังกาย

การให้ลูกได้ออกกำลังกาย ร่างกายจะมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเล่น การกระโดด ฯลฯ เพราะจะช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น ทำให้ลูกพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

นอนหลับให้เพียงพอและเป็นเวลา

ในแต่ละวันคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้นอนหลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมงแต่ไม่ควรเกิน 9 ชั่วโมง เพราะการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้สมองลูกปลอดโปร่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความจำค่ะ

การกระตุ้นความจำให้ลูก หากคุณพ่อคุณแม่กระตุ้นถูกจุด และถูกเวลา จะทำให้ลูกเป็นเด็กที่มีพัฒนาการดี เรียนเก่งได้ค่ะ ลองนำกิจกรรมดังกล่าวไปปรับใช้กันดูนะคะ

อ้างอิง
Youngciety.com
Thairath.co.th

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP