มาเสริมพลังสมองให้ลูกวัยแรกเกิดถึง 3 ขวบกัน

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ
JESSIE MUM

พัฒนาการทางด้านสมองของลูกวัยแรกเกิดถึงสามขวบนั้นถือเป็นช่วงสมองที่มีการเจริญเติบโตมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ และเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ย่อมอยากจะช่วยส่งเสริมให้ดีและเป็นไปอย่างถูกต้องอยู่แล้วและแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยให้สมองของลูกพัฒนาและมีพลังได้อย่างที่ควรจะเป็น การช่วยในเรื่องการเสริมพลังสมองให้กับลูกนั้นบอกได้เลยว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้จากการใช้ชีวิตประจำวันนั่นเอง แต่จะมีอะไรกันบ้างมาติดตามกันต่อได้เลย

มาใช้ชีวิตประจำวันให้เสริมพลังสมองของลูกกัน

  1. อาหารการกิน นี่คือเรื่องแรกที่ควรใส่ใจให้กับเด็กๆ ในวัยนี้ควรจะให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับช่วงวัยของเขาและที่สำคัญนั้นพยายามอย่าให้ลูกกินหวานมาก เพราะเมื่อกินหวานเข้าไปมากๆ แล้วนั้นร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลอย่างรวดเร็วจากนั้นเมื่อน้ำตาลในร่างกายสูงเกินไปก็จะเกิดการขับออกและมันอาจจะขับน้ำตาลออกมามากเกินไปจนเกิดเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติก็เป็นได้

    และสมองมีความจำเป็นที่ต้องการน้ำตาลในระดับที่พอดี ดังนั้นขนมหวานควรหลีกเลี่ยงแล้วหันมาให้ลูกได้กินน้ำตาลที่อยู่ในผัก ผลไม้ ธัญพืช เพราะเป็นน้ำตาลโมเลกุลใหญ่ซึ่งจะค่อยๆ ถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายทำให้ไม่ถูกขับออกเร็วจนเกินไปและมีประโยชน์กับสมองอีกด้วย

  2. พูดคุยและเล่นกับลูกเสมอ การเล่นของเด็กวัยนี้คือการเรียนรู้ การลองพูดคุยหยอกล้อกับเขาด้วยเสียงที่สูงๆ ต่ำๆ สลับกันไปมาจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทของการได้ยิน รวมทั้งการทำท่าทางประกอบคำพูดก็ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาและเพิ่มทักษะความสามารถในการสื่อสารให้กับลูกน้อยไปในตัวอีกด้วย

    รวมทั้งการเล่นในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจ้ำจี้ ตบแผะ นั้นก็เป็นการช่วยเสริมทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายของลูกได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน

  3. เอาหนังสือภาพเข้ามาช่วย ในส่วนนี้หนังสือภาพสามารถที่จะช่วยฝึกได้ทั้งพัฒนาการทางการใช้สายตาและการมองเห็นของลูกได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงยังเป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางสมองให้สามารถเรียนรู้ทักษะภาษาและการสื่อสารได้อีกด้วย
  4. การเล่านิทานให้ลูกฟัง แม้มันจะเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วว่าถ้าครอบครัวไหนมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาหน้าที่ของการเล่านิทานนั้นก็จะเพิ่มเติมเข้ามาในบทบาทของคนเป็นพ่อเป็นแม่ในทันทีและมันก็คือสิ่งที่ถูกต้องแล้วเพราะเหตุผลที่ต้องเล่านิทานให้ลูกฟังนั้นก็เพื่อจะเป็นการกระตุ้นพัฒนาการทางด้านภาษาและการสื่อสารของลูกนั่นเอง แถมยังช่วยกระตุ้นทั้งความคิด จินตนาการ รวมถึงสมาธิ และที่สำคัญมันเป็นการทำให้ลูกรู้สึกได้ถึงความรักความอบอุ่นที่พ่อแม่มีให้กับเขาได้อีกด้วย
  5. ลูกร้องเมื่อไรสนใจทันที แม้ว่าอาจจะดูเหมือนเป็นการให้ท้ายลูกจนเกินไปหรือไม่แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเด็กทุกคนร้องเพราะต้องการความปลอดภัยและเมื่อเขารู้สึกได้แล้วว่าเขาได้รับความปลอดภัยสมองของเขาก็จะสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง เพราะถ้าเขายังรู้สึกกังวลไม่ปลอดภัยอยู่สมองก็จะพัฒนาแต่ในส่วนของการหนีภัยอันตรายที่เข้ารู้สึกอยู่เท่านั้น
  6. ปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระ แน่นอนอย่างที่บอกกันไปแล้วว่าการเล่นของเด็กในวัยนี้คือการเรียนรู้นั่นเองซึ่งการปล่อยให้เข้าได้เล่นอย่างอิสระไม่ว่าจะบนกองดิน กองทราย อุปกรณ์ ของเล่นต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลความปลอดภัยของพวกคุณเรียบร้อยแล้วนั้นจะมีส่วนอย่างมากในการช่วยบ่มเพาะสมองในส่วนของจินตนาการให้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
  7. ความรัก ความใส่ใจจากพ่อแม่ มาปิดท้ายด้วยข้อที่สำคัญไม่แพ้การส่งเสริมด้านอื่นๆ เพราะธรรมชาติของมนุษย์จะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้เมื่อมีคนที่คอยสนับสนุนเขาด้วยความรักและความจริงใจที่สามารถสัมผัสได้ มันคือความอุ่นใจและไม่กลัวการผิดพลาดเพราะมั่นใจว่าจะได้รับคำแนะนำและความอบอุ่นจากพ่อแม่ของเขาเสมอนั่นเอง

การเลี้ยงลูกไม่ใช้เรื่องยากแต่การจะเลี้ยงลูกให้ครบพร้อมทั้งพัฒนาการทางด้านอารมณ์และสมองนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องการความใส่ใจจากพ่อแม่เป็นอย่างมากเพราะเด็กในวัยนี้ยังเปราะบางและอ่อนแอกับการเรียนรู้เหลือเกิน อะไรเพียงเล็กน้อยก็สามารถซึมซับฝังลึกเข้าไปอยู่ในความรู้สึกนึกคิดแล้วจิตใจของพวกเขาได้แล้ว นี่จึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกควรระมัดระวังประคับประคองให้เขาพัฒนาไปตามแนวทางที่ถูกต้องอยู่เสมอ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP