มาเลี้ยงลูกให้ห่างไกลความเก็บกดกัน

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ
JESSIE MUM

อาการเก็บกดมักจะเป็นสิ่งที่จะมีการรู่เท่าทันได้ยากเพราะคนที่มีอาการเก็บกดนั้นส่วนใหญ่จะสังเกตจากภายนอกได้ยากพอสมควรนี่จึงเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มต้นให้ดีและคอยสังเกตทั้งวิธีการเลี้ยงลูกของพวกคุณเองและอุปนิสัยใจคอของลูกคุณให้ดีเพื่อจะได้ช่วยเหลือเขาให้ทันตั้งแต่ยังเล็กไม่กลายเป็นเด็กเก็บกดไม่ว่าจะเป็นสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูหรือการไปพบเจอกับสถานการณ์กดดันจากภายนอกบ้านมากก็ตาม

มีเทคนิคง่ายๆ อยู่ไม่กี่ข้อที่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยึดแนวคิดพวกนี้แล้วนำไปต่อยอดให้เหมาะกับการเลี้ยงดูของครอบครัวพวกคุณแล้วล่ะก็จะสามารถช่วยให้เด็กๆ ของคุณห่างไกลจากความเก็บกดได้ดีเลยทีเดียวเพราะความเก็บกดน่ากลัวกว่าที่คุณคิดมันมีผลกับทั้งในเรื่องของความสุขและความหวังในการใช้ชีวิตของลูกรวมทั้งมีผลในเรื่องของพัฒนาการของลูกอีกด้วย

มาเริ่มเลี้ยงลูกไม่ให้รู้จักความเก็บกดกันเลย

1.อย่าจำกัดเวลาในการเล่นของลูกจนเกินไป

สำหรับเด็กวัยเตาะแตะนั่นการเล่นของพวกเขาหมายถึงการเรียนรู้นั่นเองซึ่งถ้าคุณไปขัดขวางและจำกัดการเล่นของพวกเขามากเกินไปก็เหมือนไปจำกัดการเรียนรู้ของเขาด้วยเช่นกัน เพราะการเรียนรู้ของพวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเรียนการสอนที่มีหนังสือและกระดาษเป็นตัวหลัก ในเด็กเล็กๆ นั้นทั้งการขุด หยิบ ยก เต้นรำ การเคาะ รวมไปถึงการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ มันคือสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นการเรียนรู้

ซึ่งเมื่อคุณพ่อคุณแม่ไม่เข้าใจและคิดว่ามันคือสิ่งที่ไร้สาระแล้วหันมาจำกัดเวลาเล่นเพิ่มเวลาในการอ่านเขียนหนังสือจนมากเกินไปมันน่าจะส่งผลเสียให้กับลูกมากกว่าเพราะในบางครั้งการเล่นของเขาอาจจะทำให้เขาได้เรียนรู้ทั้งทักษะในการอ่าน เขียน และบวกเลขไปในตัวได้ด้วยเช่นกัน

2.ให้เขาได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่

คุณพ่อคุณแม่น่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งการมีพลังงานที่จะเล่นซนทั้งวันมานานมากแล้วจนบางทีอาจจะหลงลืมไปแล้วว่าเด็กเล็กๆ นั้นเขายังมีพลังอยู่ในตัวที่พร้อมจะเอาตัวเองไปเล่นไปเรียนรู้อีกมากมาย จนทำให้ในบางครั้งที่เขาวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานคุณพ่อคุณแม่ก็เป็นห่วงกลัวลูกจะล้มจะเหนื่อยจนเกินไปเลยไปขัดจังหวะให้เขาหยุดการวิ่งนั้นซึ่งผลวิจัยได้ออกมาชัดเจนแล้วว่าเด็กที่มีการเคลื่อนไหวนั้นจะมีการพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมองได้อีกด้วย

3.อย่าให้ลูกถูกจำกัดอยู่กับแค่การทดสอบ

เดี๋ยวนี้การแข่งขันทางการศึกษาเริ่มจะขยับเข้ามาเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะแม้กระทั่งการจะเข้าชั้นอนุบาลในบางโรงเรียนอาจจะต้องมีการสอบแข่งขันกันแล้วเนื่องจากมีเด็กๆ ที่ผู้ปกครองต้องการให้เรียนในโรงเรียนนั้นเป็นจำนวนมาก นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กๆ ถูกขัดจังหวะการเรียนรู้ตามวัยแล้วต้องรีบมาสนใจทักษะด้านการเรียนที่จะทำให้เป็นผู้ชนะในการทดสอบ

แน่นอนว่ามันน่าจะทำให้พวกเขาไม่เข้าใจและเก็บกดไม่น้อย ดังนั้นแล้วอย่าลืมว่าการเรียนรู้จากการท่องจำโดยไม่ผ่านวิธีการเรียนรู้หรือการสอนที่ทำให้เกิดกระบวนการคิดต่อยอดนั้นถือว่าไม่ใช่การเรียนรู้ที่ยั่งยืน ถ้ามีความจำเป็นต้องพาลูกลงสนามทดสอบจริงๆ ลองหาวิธีเรียนรู้สอดแทรกไปกับการเล่นของเขาจะดีกว่าไหม

4.อย่าทำให้ลูกรู้สึกล้มเหลวและท้อแท้

นี่คืออุปสรรคสำคัญต่อความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆ อย่างแท้จริงเพราะถ้าเด็กๆ ที่ยังไม่เคยผ่านเหตุการณ์อะไรมากมายโดนความรู้สึกล้มเหลวและท้อแท้เล่นงานตั้งแต่ยังเล็กนี่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่และต้องใช้เวลาในการปรับตัวกันอีกมากเลยทีเดียวถ้าเกิดขึ้น

การอยากให้ลูกประสบความสำเร็จนั้นคือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนอยากจะให้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเองกันอยู่แล้วแต่วิธีการพาเขาไปถึงความสำเร็จและความพอใจในความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและควรได้รับความใส่ใจมากกว่า ถ้าลูกเกิดความผิดพลาดขึ้นมาการสอนให้เขาเรียนรู้จากความผิดพลาดนำไปพัฒนาตัวเองนั้นจะดีกว่าการไปตอกย้ำและทำให้เขารู้สึกได้ว่าพวกคุณผิดหวังในตัวเขามากนั่นเอง

การเลี้ยงลูกให้เติบโตมาอย่างเต็มไปด้วยความฉลาดทั้งทางสมองและอารมณ์นั้นเป็นเรื่องที่ควรทำคู่กันไปและความเข้าใจในตัวลูกของพ่อแม่นั้นก็คือสิ่งสำคัญ พยายามเปิดใจให้กว้างและคิดไว้เสมอว่าคนเรามีความสามารถและความชอบที่แตกต่างกันไป สังเกตและพยายามพาลูกไปในทางที่เขาชอบนั่นแหละคือวิธีทางที่จะทำให้เขาห่างไกลจากความเก็บกดและสามารถมีทั้งทักษะและพัฒนาการที่ดีไปในตัวอีกด้วย

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP