ทำอย่างไรเมื่อลูกถูกเพื่อนแกล้งในวัยอนุบาลกับการแก้ไขอย่างถูกวิธี

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ
JESSIE MUM

เมื่อถึงวัยที่ลูกต้องไปโรงเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถตามดูแลได้ตลอด ซึ่งคุณครูเองก็ไม่สามารถที่จะดูแลเด็กหลายสิบคนได้อย่างทั่วถึง บางครั้งอาจพบว่าลูกมีรอยเขียวช้ำ เนื่องจากโดนเพื่อนแกล้ง ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นกังวล คิดหาทางแก้ปัญหาให้ลูกทุกทาง บางครอบครัวก็สอนให้ลูกตอบโต้แบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” บางครอบครัวก็สอนให้ลูกตอบโต้ด้วยวิธี “การนิ่งสยบความเคลื่อนไหว” แต่วิธีไหนล่ะถึงจะได้ผลแต่ถูกต้อง แล้วถ้าเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ปัญหาอะไรจะเกิดขึ้น? เด็กแบบไหนที่มีโอกาสโดนแกล้ง? สุดท้าย…การแก้ไขปัญหาลูกถูกแกล้งที่ถูกต้องนั้นมีอะไรบ้าง? ทั้งหมดนี้เราจะมาไล่เรียงกันทีละข้อเลยค่ะ ไปดูกัน

ผลเสียจากลูกถูกแกล้งและไม่มีการจัดการกับปัญหา

ปัญหาเรื่องเด็กทะเลาะกัน อาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เด็กบางคนไม่รู้วิธีการที่จะชวนเพื่อนเล่น ไม่สามารถประเมินกำลังที่ใช้กับเพื่อนได้ จนบางครั้งอาจดูเหมือนเด็กคนนั้นชอบเล่นกับเพื่อนแรง ๆ จึงทำให้เพื่อนเข้าใจผิดคิดว่าแกล้ง จึงเกิดการทะเลาะกัน หากคุณพ่อคุณแม่เพิกเฉยกับประเด็นนี้ที่เกิดขึ้น สิ่งที่จะตามมาก็คือ…

ปัญหาของเด็กที่ถูกแกล้งจะพัฒนากลายเป็นปมใหญ่ในใจเขา ดังที่เราจะเห็นได้จากข่าวโดยทั่วไปว่า มีเด็กนักเรียนกราดยิงคนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วยเลย เหตุจูงใจมาจากความคับแค้นใจที่ถูกเพื่อนบูลลี่ หรือถูกเพื่อนแกล้งในวัยเด็ก เป็นต้น เพราะปัญหาในวัยเด็กของเขาไม่ได้รับการใส่ใจหรือแก้ไข กลายเป็นอาชญากร เป็นปัญหาใหญ่ของสังคม

เด็กที่มีแนวโน้มว่าจะถูกแกล้ง

  1. เด็กที่ไม่ค่อยมีเพื่อน
  2. เด็กขี้แย อ่อนแอ ดูแกล้งง่าย
  3. เด็กขี้หงุดหงิด ขี้โมโห
  4. เด็กที่ดูโดเด่น แต่ไม่ผูกมิตรกับใคร
  5. เด็กที่มีบุคลิกแตกต่างจากคนอื่น เช่น อ้วน ตัวเล็ก ผิวคล้ำ เพราะเด็กจะถูกเพื่อนล้อเลียน

ทำอย่างไรเมื่อลูกถูกแกล้งในวัยอนุบาลกับการแก้ไขอย่างถูกวิธี

สอนลูกให้ตอบโต้ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ไม่ใช้ความรุนแรง

สอนลูกว่าความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาเพื่อนแกล้งได้ แต่ควรสอนลูกให้ตอบโต้ด้วยการเดินหนี ไม่สนใจ หรือให้ลูกบอกเพื่อนว่า “บอกตรง ๆ ว่าไม่ชอบ หากยังทำอีกจะฟ้องครู” และคุณพ่อคุณแม่ควรติดตามผลด้วยนะคะ แต่หากไม่ได้ผลควรไปพบคุณครูที่โรงเรียนเพื่อพูดคุย

สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

คุณพ่อคุณแม่สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย…ฟังหูไว้หูก่อนนะคะ เพราะบางครั้งลูกเราอาจไปทำเขาก่อนก็ได้ หลังจากนั้นสอบถามคุณ

พูดคุยและสอบถามกับผู้ปกครองของเด็กที่แกล้งลูก

คุณพ่อคุณแม่ควรหันหน้าปรึกษากันกับผู้ปกครองของเด็กที่แกล้งลูก พร้อมกับสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะบางครั้งอาจเป็นลูกเราเองที่เริ่มก่อนก็เป็นได้ แล้วมาหาทางออกร่วมกัน

เข้าไปคุยกับคุณครูประจำชั้น

วิธีนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะสามารถช่วยได้ เพราะคุณครูจะเป็นผู้ที่อยู่กับเด็กที่โรงเรียน ดังนั้น จะเห็นพฤติกรรมของเด็ก ๆ ได้มากกว่าผู้ปกครอง การเข้าไปคุยกับคุณครูควรไปทั้งคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองของน้องที่แกล้งลูกเรา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและหาทางออกร่วมกัน

ไปแสดงตัวที่โรงเรียนบ้าง เพื่อให้ลูกรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย

กรณีนี้หากเป็นคุณพ่อคุณแม่เองที่ไปรับเป็นประจำอยู่แล้วคงไม่เป็นไร แต่หากคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานนอกบ้าน อาจหาโอกาสในบางวันที่สามารถไปรับลูกได้เอง เพื่อให้ลูกรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้นค่ะ

สอนให้ลูกเข้าใจและยอมรับในความแตกต่าง

ข้อนี้สำคัญค่ะ เพราะจะเป็นการปลูกฝังเด็กในด้านของความคิดและมุมมอง โดยการสอนและอธิบายให้ลูกเข้าใจและยอมรับในความแตกต่าง เพราะแต่ละคนมาต่างที่กัน การเลี้ยงดูต่างกัน สิ่งแวดล้อมต่างกัน สิ่งที่แสดงออกจึงต่างกันไปด้วย

เมื่อลูกสามารถปกป้องตัวเองจากการถูกเพื่อนแกล้งได้ เขาก็จะไม่ใช่เป้าหมายที่ถูกแกล้งอีกต่อไป และทางที่ดี หากคุณพ่อคุณแม่สอนให้ลูกรู้จักการพูดและตักเตือนเพื่อนที่ชอบรังแกคนอื่นได้จะเป็นอะไรที่ดีมากค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP