6 วิธีสอนลูกให้รู้จักกับการเชื่อมั่นในตัวเอง

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

เด็กๆ ต้องการคุณพ่อคุณแม่นำทางและชี้แนะให้เขารู้จักกับการใช้ชีวิตและการเข้าสังคมและหากคุณพ่อคุณแม่ได้เริ่มต้นปลูกฝังให้ลูกได้มีโอกาสรู้จักกับการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองได้เป็นสิ่งแรกๆ แล้วล่ะก็เชื่อได้เลยว่าจะนำลูกไปสู่ขั้นตอนของการเจริญเติบโตในเรื่องอื่นๆ ได้ไม่ยากเพราะเขามีพื้นฐานของความรักและเชื่อมั่นพร้อมทั้งเห็นคุณค่าในตัวเองติดตัวกันอยู่แล้ว…แล้วควรจะสอนและปลูกฝังลูกอย่างไรดีถึงจะเป็นการนำเขาไปสู่การเชื่อมั่นใจตัวเองที่ถูกต้องมาดูกันได้เลย

เริ่มจากคุณพ่อคุณแม่เชื่อมั่นใจตัวเองกันก่อนแล้วมาเริ่มสอนลูกกันเลย

หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองก่อนจะสอนลูกเรียบร้อยแล้วนั้นก็มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าศัตรูตัวหลักของการสร้างความเชื่อมั่นใจตัวเองนั่นก็คือความท้อแท้ใจและความกลัวนั่นเอง มีความเป็นไปได้ว่าลูกอาจจะมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในใจ จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้กำลังและเข้าใจลูกเพื่อที่จะพาเขาก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้นั่นเอง

1.เมื่อเห็นถึงความพยายามของลูก…ควรชื่นชมเขา

ไม่มีอะไรมีความสุขไปมากกว่าการที่เราพยายามทำอย่างสุดความสามารถแล้วมีคนมองเห็นพร้อมทั้งชมเชยในสิ่งที่เราทำ มันคือกำลังใจชั้นดีในการสานต่อสิ่งเหล่านั้นให้ก้าวหน้า ไม่ว่าการพยายามเหล่านั้นลูกจะมีผลลัพธ์ออกมาอย่างไรก็ควรให้กำลังใจเขาเพราะสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ให้กำลังใจไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ดีแต่คือการชมในความพยายามของเขานั่นเอง อย่าทำให้เขารู้สึกอายที่กำลังพยายามทำอะไรบางอย่างอยู่แต่ช่วยเขาสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองจะดีกว่าอย่างแน่นอน และสุดท้ายนอกจากความเชื่อมั่นในตัวเองที่ลูกได้มายังมีความพยายามทำสิ่งต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อติดตัวลูกมาด้วยอีกข้อหนึ่ง

2.ให้ลูกลองแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง

ถ้าเวลาที่ลูกมีปัญหาแล้วเขาก็สามารถได้รับการแก้ไขที่ง่ายดายที่มีคุณช่วยเสมอนี่คือการตัดความเชื่อมั่นในตัวเองของลูกออกไปอย่างช้าๆ จนเมื่อวันที่เขาโตขึ้นแล้วบังเอิญต้องเผชิญปัญหาเพียงคนเดียวอาจจะทำให้เขาเสียหลักได้ง่ายๆ เพราะไม่เคยเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองมาก่อน การที่ยอมปล่อยให้ลูกอยู่กับปัญหาและมีกระบวนการคิดต่างๆ นั้นแม้ว่าอาจจะดูใจร้ายและทรมานใจคุณพ่อคุณแม่อยู่พอสมควรแต่เชื่อได้เลยว่าปัญหาที่เด็กๆ เจอนั้นส่วนใหญ่ยังเป็นเรื่องที่รับได้และแก้ไขได้ซึ่งแต่ต่างจากตอนที่เขาโตขึ้นมาแล้วเจอปัญหาบางทีมันอาจจะเป็นปัญหาที่ใหญ่และทำให้เขาเห็นแต่ทางตันก็เป็นได้ถ้าเขาไม่ได้รับการฝึกฝนเพื่อแก้ไขปัญหาด้วยตนเองและยังขาดความเชื่อมั่นในตัวเองไปแล้วอีกด้วย

3.ปล่อยให้เขาได้มีพฤติกรรมไปตามวัย

มีในบางครั้งคุณอาจจะปวดหัวกับความซนและพฤติกรรมต่างๆ ของลูกนี่คือเรื่องละเอียดอ่อนที่คุณจำเป็นต้องดูให้แน่ใจว่าพฤติกรรมไหนควรแก้พฤติกรรมไหนคือสิ่งที่เป็นไปตามวัยของเขา เพราะถ้าคุณเหมารวมไปหมดว่าเขามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจนลืมคำนึงถึงพัฒนาการตามวัยของเขาอาจจะทำให้เขากลายเป็นเด็กเก็บกดและมีปัญหาในอนาคตได้ว่าการที่เขาจะทำอะไรจำเป็นที่จะต้องเป็นไปตามกรอบที่คุณพ่อคุณแม่กำหนดจนลืมที่จะเชื่อมั่นในตัวเองไปนั่นเอง

4.กระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นของลูกบ้าง

การที่ต้องได้รับคำถามต่างๆ จากลูกอยู่บ่อยๆ อาจจะทำให้มีความเบื่อหน่ายบ้างในบางครั้งแต่ในความเป็นจริงแล้วคุณควรเปลี่ยนความเบื่อหน่ายนี้ให้กลายเป็นแรงบวกถ้าลูกถามแต่เรื่องเดิมๆ ก็พยายามกระตุ้นให้ลูกอยากรู้อยากเห็นในมุมมองที่แตกต่างออกไป ให้เขาได้มองเห็นเรื่องเดียวกันในมุมมองที่ต่างไปบ้าง เขาจะค่อยๆ เรียนรู้เองว่าเขาจำเป็นที่จะต้องรู้รอบด้านและถามในสิ่งที่สร้างสรรค์และอย่าลืมที่จะชมเขาด้วยหากได้รับคำถามที่ดีจากเขา เพื่อเป็นการเสริมความเชื่อมั่นใจตัวเองให้กับลูกนั่นเอง

5.หลีกเลี่ยงการมีสิทธิพิเศษให้ลูกบ่อยๆ

แม้ว่าลูกอาจจะดีใจเวลาได้สิทธิพิเศษหรือข้อยกเว้นแต่มันกลับเป็นภัยเงียบที่ทำให้ลูกค่อยๆ ขาดความมั่นใจในตัวเองไปอย่างช้าๆ ถ้าเขาไปเจอกับคนอื่นแล้วไม่ได้รับข้อยกเว้นแบบที่เคยเจออาจจะสงสัยว่าทำไมถึงไม่เหมือนกันแล้วสิ่งที่เขาทำไปแบบไหนกันที่ถูกต้องนั่นเอง

6.สอนให้ลูกเข้าใจถึงคำว่าความสำเร็จและความล้มเหลว

ให้เขาโหยหาความสำเร็จมุ่งมั่นและตั้งใจทำโดยที่ไม่กลัวความล้มเหลวและให้เข้าใจไว้ว่าความล้มเหลวคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่มีคุณค่าคนที่ได้ทำเท่านั้นถึงจะได้เรียนรู้กับความล้มเหลวให้นำมาเป็นบทเรียนเพื่อผลักดันตัวเองไปข้างหน้า เชื่อได้เลยว่าเจ้าตัวเล็กของคุณก็คงฟังสิ่งเหล่านี้แล้วกระพริบตาปริบๆ ไม่ได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแต่นี่คือสิ่งที่ควรปลูกฝังให้ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในความคิดของลูกเพื่อที่การใช้ชีวิตและเติบโตขึ้นของเขาจะค่อยๆ นำแนวคิดนี้ไปปรับใช้และเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตัวเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างมั่นคง

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP