เตรียมพร้อมทักษะให้ลูกวัยอนุบาล

เด็กๆ ในวัย 3-6 ขวบเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้ และต้องปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ รอบตัว ต้องเรียนรู้เรื่องการเข้าสังคม การมีระเบียบวินัย รวมไปถึงการเรียนรู้ที่จะเข้ากับคนอื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมสร้างทักษะดังกล่าวให้กับลูกได้ เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าโรงเรียน อย่างนั้นเราไปดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง

ทักษะที่ควรมีในแต่ละช่วงวัย

ทักษะด้านสังคม

  • วัย 3 ขวบทานอาหารได้ด้วยตัวเอง เล่นแบบคู่ขนาน คือ เล่นของเล่นแบบเดียวกัน ชนิดเดียวกัน แต่ต่างคนต่างเล่น ชอบเล่นบทบาทสมมุติ รู้จักการรอคอยและเริ่มเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน (อาจให้บ้าง ไม่ให้บ้าง)
  • วัย 4 ขวบช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น แต่งตัวเองได้ ไปห้องน้ำเองได้ แปรงฟันเอง เริ่มเล่นร่วมกับคนอื่น รู้จักอดทนมากขึ้น รอคอยและเข้าใจในเรื่องลำดับก่อนหลังมากขึ้น รู้จักเก็บของเล่นได้เอง
  • วัย 5 ขวบทำกิจวัตรของตัวเองในหลายๆ อย่างได้ด้วยตัวเอง เล่นและทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีเป้าหมาย เรียนรู้ว่าถ้าพบผู้ใหญ่ต้องไหว้ รู้จักกล่าวคำขอโทษหรือขอบคุณ
  • วัย 6 ขวบเริ่มเล่นกันเป็นกลุ่ม มีการตั้งกติกา เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น รู้จักมารยาทในการเข้าสังคม

ทักษะด้านร่างกาย

  • วัย 3 ขวบกระโดดอยู่กับที่ รับบอลด้วยมือและลำตัว เตะลูกบอลได้ เดินขึ้นบันไดสลับเท้าได้ ถีบจักรยาน 3 ล้อได้ ลากเส้นตามแนวเส้นประได้ ต่อตัวต่อไม้หรือบล้อคแท่งไม้ได้สูงเทียบเท่าหรือมากกว่า 7 ชั้น
  • วัย 4 ขวบมักชอบกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางเล็กๆ กระโดดขาเดียวแบบอยู่กับที่ได้ ชอบปีนป่ายสิ่งต่างๆ เช่น ชั้นวางของ ขึ้น-ลงบันได้สลับเท้าได้ ใช้กรรไกรเป็น
  • วัย 5 ขวบกระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องได้ ทรงตัวยืนขาเดียวได้ เดินถอยหลังตามเส้นที่ขีดไว้ได้ ตัดกระดาษตามแนวเส้นโค้งได้ ติดกระดุม ผูกเชื่อกรองเท้าได้คล่องมากขึ้น เรียกว่า ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กที่มือได้ดีมากขึ้น

ทักษะด้านอารมณ์

  • วัย 3 ขวบแสดงอารมณ์ตามความรู้สึก รู้สึกอย่างไร แสดงอย่างนั้น ชอบที่จะได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ เริ่มติดคุณพ่อคุณแม่หรือผู้เลี้ยงดูน้อยลง
  • วัย 4 ขวบรู้จักควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น เริ่มมีการชื่นชมความสามารถของทั้งตนเองและผู้อื่นได้ ชอบการท้าทายผู้ใหญ่ ต้องการให้คนอื่นสนใจตัวเอง
  • วัย 5 ขวบแสดงอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละเหตุการณ์ เริ่มให้ควรสนใจกับอื่นๆ รอบตัวมากกว่าตัวเอง

เตรียมตัวลูกได้อย่างไรบ้าง?/h2>

ด้านสังคม

  • ฝึกให้รู้จักการรอคอย เรียนรู้การควบคุมอารมณ์ของตนเอง พึ่งพาตัวเองได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ต้อรอพึ่งจากคนอื่น รู้จักหน้าที่ของตัวเอง เช่น เก็บของเล่นเอง หลังจากทานข้าวเสร็จก็นำจานไปไว้ที่อ่างล้างจานได้เอง หรือเก็บที่นอนได้เอง เป็นต้น
  • ฝึกให้รู้จักเชื่อฟัง โดยการตั้งกฎขึ้นมาภายในครอบครัว โดยให้เหตุผลเค้าว่าทำไมถึงต้องทำตามกฎเหล่านี้
  • ฝึกเรื่องการอยู่รวมกับคนหมู่มาก ฝึกให้รักธรรมชาติ รักเพื่อน สัตว์ และต้นไม้ เช่น ช่วยคุณพ่อขุดดิน ปลูกต้นไม้ หรือเล่นกับเพื่อนๆ เป็นต้น

ด้านร่างกาย

  • ให้ลูกได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ตามวัย โดยให้ครบทั้ง 5 หมู่ ดื่มนม และน้ำเปล่าสะอาดให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
  • รักษาความสะอาดของร่างกาย
  • นอนหลับเพียงพอ
  • ให้ลูกได้วิ่งเล่นออกกำลังกายกลางแจ้งแบบหอบแฮ่กบ้าง เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่
  • ให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำ และให้เค้าทำด้วยตัวเอง คุณพ่อคุณแม่คอยสังเกตุการณ์อยู่ใกล้ๆ

ด้านอารมณ์

  • สร้างความภูมิใจให้กับลูกด้วยการช่วยลูกหาความสามารถพิเศษของลูก แล้วส่งเสริมในด้านนั้น
  • เลี้ยงลูกให้ถูกเพศ โดยบทบาทของคุณแม่ควรเป็นแม่บ้าน มีความเข้มแข็งและก็อ่อนโยนได้ มีความมั่นใจในตนเอง ส่วนบทบาทคุณพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกได้ภูมิใจในเพศของตัวเอง ไม่สับสนและเบี่ยงเบนทางเพศ
  • ฝึกวินัยให้กับลูก โดยเริ่มตั้งแต่ การตื่นเช้า อาบน้ำ แปรงฟัน ทานอาหารเช้า อ่านหนังสือ ทำการบ้าน เก็บของเล่น ช่วยงานบ้าน และฝึกให้ลูกรู้จักการแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง

ด้านสติปัญญา

  • เสริมในเรื่องการใช้ภาษาในการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นฟัง พูด ถาม เขียน รวมไปถึงการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ มอง ฟัง สัมผัส ชิมรส ได้กลิ่น อาจเป็นการพาครอบครัวออกไปเที่ยวธรรมชาติในวันหยุด แบบนี้ก็ได้ค่ะ
  • ฝึกให้ลูกสังเกต แยกประเภท และเปรียบเทียบ อาจพาไปซูเปอร์มาร์เกตแล้วให้ลูกช่วยแม่หยิบของให้
  • สอนให้ลูกรู้จักเส้นทาง การคิด การนับเลข การเชื่อมโยงข้อมูล เช่น ถนนเปียก ถนนลื่น เพราะฝนเพิ่งตก เป็นต้น

ทังนี้ คุณพ่อคุณแม่ฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไปนะคะ ค่อยๆ ให้เค้าซึมซับไปเรื่อยๆ และการเสริมทักษะให้ลูกจะเป็นเรื่องสนุกทั้งต่อลูกและครอบครัวค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP