จากผลสำรวจในปี 2559 พบว่าเด็กไทยอายุราว 3 ขวบ เป็นโรคดื้อต่อต้าน หรือพฤติกรรมโรคดื้อต่อต้านโดยมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตได้ และหากพบว่าลูกเข้าข่ายควรพาลูกไปปรึกษาจิตแพทย์ทันที
สารบัญ
ลูกต่อต้าน โรคพฤติกรรมดื้อต่อต้าน
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้ออกมาระบุว่า “โรคพฤติกรรมดื้อต่อต้าน (Oppositional Defiant Disorder)” นั้น คือการที่เด็กมีความผิดปกติด้านพฤติกรรม มีนิสัยที่ดื้อ ต่อต้าน ไม่ฟังคุณพ่อคุณแม่ ไม่ทำตามกฎระเบียบ มีอารมณ์ที่รุนแรง หงุดหงิดง่าย ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะเด็กเหล่านี้มีระดับการต่อต้านที่มากเกินกว่าเด็กทั่วไป และมักจะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นเป็นประจำ
สถิติผู้ป่วยโรคดื้อต่อต้านทั่วประเทศ
กรมสุขภาพจิตได้ทำการสำรวจสุขภาพจิตของเด็กในช่วงอายุ 13 – 17 ปี ครั้งล่าสุดในปี 2559 พบว่าเด็กป่วยเป็นโรคดื้อต่อต้านร้อยละ 2 หรือประมาณ 80,000 คนทั่วประเทศ โดย
- เด็กชาย พบได้ร้อยละ 2.3
- เด็กหญิง พบได้ร้อยละ 1.7
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น คือความเชื่อของคุณพ่อคุณแม่ที่ว่า…
- ปล่อยเด็กไปตามธรรมชาติ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
- ไม่อยากขัดใจลูก เพราะกลัวลูกเครียด กลัวลูกหนีออกจากบ้าน
- ใช้การลงโทษที่รุนแรง เพราะคิดว่าน่าจะเป็นการช่วยดัดนิสัยได้
- ส่งไปอยู่กับญาติ หรือโรงเรียนประจำ เพื่อดัดนิสัย
ซึ่งความเชื่อทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นการช่วยให้พฤติกรรมลูกต่อต้านนั้นดีขึ้นเลย กลับกันมีแต่จะแย่ลง ดังนั้น ทางที่ดีแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่โทรเข้าไปปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชม. แม้ว่าโรคนี้ยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่การที่เด็กได้ระบาย และมีคนที่รับฟัง พร้อมให้คำแนะนำที่ถูกต้องก็เป็นการปรับลดพฤติกรรมการดื้อต่อต้านได้ และอาจนำไปสู่การหายป่วยได้ค่ะ
สาเหตุที่ทำให้เด็กเป็นโรคดื้อต่อต้าน
พฤติกรรมลูกดื้อต่อต้านนั้นมีหลายสาเหตุด้วยกัน
- ความผิดปกติของสารเคมีในสมองหรือสารสื่อประสาทบางชนิดมีปริมาณที่ไม่สมดุลกัน หรือมีการทำงานที่ผิดปกติไป
- ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
- ปัจจัยทางด้านจิตใจ
- การเลี้ยงดูที่บังคับ หรือตีกรอบมากเกินไป
- ไม่ให้ลูกได้มีโอกาสเลือกในสิ่งทีเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขาเอง
- ไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็น
8 สัญญาณเตือนว่าลูกเป็นโรคดื้อต่อต้าน หากเกิน 3 ขวบ
ทางด้านแพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไปแล้วพฤติกรรมดื้อตามวัยนั้นจะอยู่ที่ช่วงอายุ 2 – 3 ขวบ เมื่ออายุมากขึ้น อาการดื้อก็จะค่อย ๆ หายไป แต่ถ้าในโรคดื้อต่อต้านจะมีอาการที่รุนแรงขึ้น และมีอารมณ์ไม่ดีต่อเนื่องกันนานกว่า 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งลักษณะอาการเด่น ๆ ของเด็กที่เป็นโรคดื้อต่อต้านนี้มีดังนี้
- แสดงอารมณ์ที่ฉุนเฉียวตลอดเวลา
- มักชอบเถียงหรือชวนผู้ใหญ่ทะเลาะ
- ชอบท้าทาย ฝ่าฝืนคำสั่งหรือกฎเกณฑ์บ่อย ๆ
- ตั้งใจสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น
- มักโทษหรือโยนความผิดให้คนอื่นบ่อย ๆ
- หงุดหงิดและอารมณ์เสียง่าย
- โกรธและไม่พอใจอยู่บ่อย ๆ
- เจ้าคิดเจ้าแค้น อาฆาตพยาบาท
วิธีปรับพฤติกรรมโรคดื้อต่อต้าน
หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นแล้วว่าลูกมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายและเป็นโรคดื้อต่อต้าน แนะนำว่าควรพาลูกไปพบกับจิตแพทย์เด็กเพื่อการบำบัดพฤติกรรม ซึ่งต้องใช้ร่วมกันในหลาย ๆ วิธี อาทิ
- การทำจิตบำบัด
- การฝึกให้เด็กรู้จักที่จะควบคุมตนเอง
- ฝึกให้เด็กมีการแสดงออกอย่างเหมาะสมกับผู้ใหญ่ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ความเข้าใจกับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครอง หรือเรียกกันว่า “ครอบครัวบำบัด” นั่นเอง เพื่อเป็นการช่วยลดความขัดแย้ง และเพิ่มการสื่อสารที่เหมาะสมสำหรับคนในครอบครัว
- ฝึกคุณพ่อคุณแม่ให้ปรับพฤติกรรมลูกได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ไม่ใช้ความรุนแรงในการลงโทษเด็ก รวมทั้งต้องมีการร่วมมือกับทางโรงเรียนในการช่วยดูแล และช่วยปรับลดพฤติกรรมที่ไม่ดีระหว่างที่เด็กอยู่ที่โรงเรียน
“ การลงโทษที่ไม่ควรใช้กับเด็กที่มีพฤติกรรมดื้อต่อต้าน คือการลงโทษด้วยการทุบตีอย่างรุนแรงหรือด่าว่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย รุนแรง เนื่องจากเป็นการเพิ่มความก้าวร้าวให้เด็ก ทำให้เด็กมีพฤติกรรมต่อต้านเพิ่มมากขึ้น และหากเด็กเหล่านี้ไม่ได้รับการรักษา เมื่อโตขึ้นเด็กจะมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงมากขึ้น ก้าวร้าว เกเร เสี่ยงต่อการเสพและติดสารเสพติดได้ง่าย ” แพทย์หญิงกุสุมาวดีกล่าว
ข้อมูลอ้างอิง springnew.co.th
เด็กในวันนี้จะโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ ต้องมาจากพื้นฐานการเลี้ยงดูที่ดีค่ะ สิ่งหนึ่งที่แม่โน้ตเชื่อมาตลอดว่า “การพูดคุยกัน การสื่อสารแบบสองทาง (Two Way Communication)” จะสามารถช่วยลดพฤติกรรมลูกดื้อหรือต่อต้านได้ อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าเพราะอะไรคุณพ่อคุณแม่ถึงต้องทำแบบนั้น แสดงให้ลูกรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจเขา ที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นผู้ฟังที่ดีเช่นกันค่ะ