เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

ทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ” เรื่องนี้คุณพ่อคุณแม่รู้และเข้าใจดี แต่…เด็ก ๆ นี่สิคะ เค้าจะแยกแยะได้อย่างไร เพราะเมื่อในบางครั้งเราก็เห็นได้ว่าลูกหงุดหงิด หรือไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองทำก็จะเริ่มใหม่ตั้งแต่ขั้นตอนแรก ไม่ยอมให้มีตรงไหนผิดเพี้ยนไปจากที่เค้าหวังไว้ แบบนี้อาจเข้าข่ายว่าเป็น “Perfectionist” ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบเท่านั้นแล้วก็ได้ค่ะ

ลักษณะของเด็กที่รักความสมบูรณ์แบบ

  • รู้สึกขัดใจเมื่อตัวเองทำพลาดเพียงนิดเดียว
  • รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ เมื่อมีคนอื่นทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ
  • จะคิดกับคนอื่นในแบบ You’re not OK, I’m OK. คิดลบกับผู้อื่นไว้ก่อน ว่าไม่มีใครทำได้ดีเท่าตัวฉันเองอีกแล้ว
  • เป็นเด็กขี้กังวล รู้สึกว่าถ้าตัวเองทำพลาดแม้แต่นิดเดียว จะไม่มีใครรัก ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ด้วย
  • คาดหวังกับตัวเองสูงมากไป

แต่ข้อดีของความสมบูรณ์แบบคือ เด็กจะเป็นคนที่ตรงต่อเวลา เคารพเวลาของผู้อื่น มีความรับผิดชอบสูง แต่ในขณะเดียวกันก็จะกดดันตัวเองจนกลายเป็นความเครียด ทำให้เมื่อโตขึ้นเขาจะไม่สามารถยืดหยุ่นในเรื่องใดได้เลย เข้มงวดกับตัวเอง และทุกคนรอบข้าง

เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ

ให้ลูกได้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง เรียนรู้จากความผิดพลาด

เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง

ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงอะไร ส่งเสริมให้ลูกได้ทำอย่างเต็มที่ ให้ลูกได้เลือกเอง ตัดสินใจเอง หากลูกทำผิดพลาดไปก็ค่อยมานั่งคุยกับลูกว่าขั้นตอนไหนที่เราทำผิดไป ด้วยการถามคำถามปลายเปิดนะคะ เพื่อให้ลูกได้ฝึกคิด วิเคราะห์

เรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น

คุณพ่อคุณแม่อาจนำเรื่องราวของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วก็ได้ค่ะ เพื่อให้ลูกได้เห็นภาพว่าความไม่สมบูรณ์แบบก็ทำให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน

ลองหากิจกรรมใหม่ ๆ ที่อยู่นอกแผนบ้าง

เพื่อให้ลูกได้ออกนอกกรอบเดิม ๆ บ้าง ได้ทำอะไรใหม่ ๆ เป็นการปลูกฝังความกล้าคิด กล้าทำ แล้วถ้าลูกทำอะไรผิดพลาดก็ไปก็ย้อนไปข้อ 1 ค่ะ^^

สอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ตนเอง และจัดการกับอารมณ์นั้น ไม่ก้าวร้าวใส่ผู้อื่น

การสอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ของตนเอง และจัดการอารมณ์ตัวเองให้ได้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรฝึกลูก เพราะเด็กที่มีความสมบูรณ์แบบเขาจะรู้สึกหงุดหงิดหากคนอื่นทำอะไรที่ไม่ถูกใจเขาหรือผิดจากสิ่งที่เขาคาดหวังไว้ เค้าก็จะหงุดหงิดใส่ทันที ซึ่งจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กก้าวร้าวได้
ข้อนี้ถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกเริ่มมีอาการหงุดหงิด ให้พักกิจกรรมตรงนั้นก่อน แล้วมานั่งคุยกัน ให้ลูกได้เข้าใจอารมณ์ตัวเองก่อน แล้วค่อยอธิบายให้ลูกฟังว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง เป็นการสอนให้ลูกรู้จักยอมรับในความแตกต่างได้อีกด้วยค่ะ

พ่อแม่ควรยอมรับในความผิดพลาดของลูก และให้อภัย

วิธีที่จะยอมรับได้ง่าย ๆ ก็คือ “การไม่คาดหวัง” ค่ะ เอาจริง ๆ ลึก ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็แอบหวังแหละ แต่ถ้าจะฝึกให้ลูกยอมรับ “คุณค่าในความไม่สมบูรณ์แบบ” ได้นั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีก่อน คือ ยอมรับได้ และให้อภัยได้ แม้ลูกจะทำผิดพลาดไป ลูกถึงจะเข้าใจและเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

พ่อแม่ไม่ต้องปลอบลูกไปเสียทุกเรื่อง

ลูกผิดหวังเสียใจ พ่อแม่ก็ผิดหวังเสียใจด้วย” ก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องปลอบลูกทุกเรื่องนะคะ บางครั้งการที่ให้ลูกได้อยู่คนเดียวบ้าง ก็เป็นการให้เขาได้เรียนรู้ความผิดหวังด้วยตัวเองอีกทางหนึ่งค่ะ

ไม่พูดส่งเสริมลูกมากเกินไป

“ลูกแม่เก่งอยู่แล้ว”
“หนูต้องทำได้แน่นอน”
“ลูกแม่เป็นเด็กเก่ง เด็กฉลาด ผ่านอยู่แล้วค่ะ”

ถ้ามองเผิน ๆ คำพูดเหล่านี้ฟังดูดีมากนะคะ เป็นการให้กำลังใจลูกได้ดีทีเดียว แต่…ความจริงแล้ว คำพูดเหล่านี้อาจกลายเป็น “สร้างความกดดัน” ให้ลูกโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะลูกจะเข้าใจว่า คุณพ่อคุณแม่คาดหวังในตัวเขาสูง เพราะฉะนั้นลูกจะบอกกับตัวเองว่า…

“ฉันจะผิดพลาดไม่ได้”

ทำให้ลูกเกิดความกังวลและความเครียด ที่เหมาะสมคุณพ่อคุณแม่ควรปรับคำพูดเป็น…

“แม่ว่าหนูลองพยายามทำให้เต็มที่ดูนะคะ ได้แค่ไหนแค่นั้น หรือถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ”

การเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบนั้นต้องอาศัยหลายปัจจัยตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ซึ่งในชีวิตประจำวัน คุณพ่อคุณแม่สามารถชี้ชวนให้ลูกเห็นได้นะคะ เมื่อลูกคุ้นชินก็จะเข้าใจและยอมรับได้ค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP