สอนลูกให้เป็นเด็กมีน้ำใจ แต่ไม่ถูกเอาเปรียบ

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ
JESSIE MUM

คุณพ่อคุณแม่ทุกคนล้วนแล้วอยากให้ลูกเติบโตเป็นเด็กดี มีน้ำใจ แต่ในท่ามกลางผู้คนมากมายที่ก็มีหลายประเภททั้งเสียสละ เห็นแก่ตัว และชอบเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น แล้วเราจะเลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นเด็กมีน้ำใจแต่ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ

สอนให้ลูกรู้จักเรื่องสิทธิ

เรื่องนี้นับเป็นพื้นฐานที่ควรสอนตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ ได้แก่ อะไรที่ลูกควรทำ อะไรที่ลูกทำได้ อะไรที่ไม่ควรทำ อะไรที่ทำไม่ได้ สอนให้ลูกรู้จักสิทธิในร่างกายของตัวเอง รู้จักสิทธิในความเป็นเจ้าของกับสิ่งของนั้น ๆ อาทิ ของใช้ส่วนตัว ของเล่น ห้ามไม่ให้ใครมาก้าวล่วง หรือหยิบฉวยไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเราก่อน

ในขณะเดียวกันคุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้ลูกเคารพสิทธิคนอื่นด้วยเช่นกัน ไม่แตะต้อง ทำร้ายร่างกาย หรือทำลายข้าวของของผู้อื่น แต่ถ้าหากเป็นในกรณีที่มีเพื่อนมาทำอะไรกับเราในสิ่งที่เราไม่ชอบ ควรสอนลูกให้บอกกับเพื่อนไปตรง ๆ ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่ปกติว่าไม่ชอบให้ทำแบบนี้

อย่าเพิ่งยอมเพื่อน

เด็กในวัยนี้อาจจะยังไม่รู้วิธีที่จะแก้ปัญหาเมื่อเพื่อนมาก้าวล่วงสิทธิส่วนบุคคล หรือไม่ก็ไม่อยากจะมีเรื่องกับเพื่อน จึงยอมให้เพื่อนกระทำหรือยอมให้เพื่อนหยิบฉวยสิ่งของไป ดังนั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้ลูกถูกเอารัดเอาเปรียบ คุณพ่อคุณแม่จึงควรสอนลูกให้ตั้งเงื่อนไขกับเพื่อน อาทิ “ลูกสามารถแบ่งดินสอสีให้เพื่อนใช้ได้นะ แต่เพื่อนต้องขออนุญาตลูกก่อน แต่ถ้าเพื่อนไม่ขอลูกมีสิทธิที่จะไม่ให้

ให้ลูกรู้จักการปฏิเสธ

ลูกอาจจะเคยมีประสบการณ์ที่เพื่อนขอยืมของไปแล้วไม่คืน ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้โอกาสนี้สอนลูกว่า ในครั้งต่อไปถ้าเพื่อนมายืมของของลูกอีก ลูกสามารถปฏิเสธเพื่อนได้ แต่จะให้ยืมหรือไม่ให้ยืมคุณพ่อคุณแม่ควรให้สิทธิลูกในการตัดสินใจเองนะคะ ซึ่งถ้าลูกให้ยืมไป เพื่อนไม่คืนอีกให้คุณพ่อคุณแม่สอนลูกในส่วนของการแก้ปัญหา เช่น สอนให้ลูกพูดขอคืนกับเพื่อนแบบตรง ๆ ไปเลย บอกว่าจำเป็นต้องของสิ่งนั้น บอกคุณครู หรือบอกกับคุณพ่อคุณแม่เพื่อที่จะเข้าไปคุยกับคุณครูประจำชั้น และคุณพ่อคุณแม่ของเพื่อนคนนั้น

สอนทักษะเพิ่มเติมรวมถึงวิธีการแก้ปัญหา

  • จำลองเหตุการณ์ให้ลูกได้เห็นภาพบ่อย ๆ เช่น คุณพ่อจะเอาของของคุณแม่ไปใช้ แม่ไม่ให้ เพราะอะไร โดยพูดคุยให้ลูกได้ยิน แต่ถ้าคุณพ่อก็ไม่ยอม ยืนยันว่าจะใช้ คุณแม่จะตัดสินใจอย่างไร และจะพูดอย่างไร เป็นต้น
  • ให้ลูกลองนึกเหตุการณ์ที่เคยเจอ พร้อมกับเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง แล้วลองถามลูกว่าลูกจะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร แล้วติดตามผลโดยสอบถามลูกว่าปัญหาที่ลูกเจอมานั้นได้รับการแก้ไขหรือไม่ อย่างไร ถ้าเหตุการณ์ยังไม่ได้รับการแก้ไข ให้คุณพ่อคุณแม่แนะนำลูกด้วยการยกตัวอย่างที่คุณพ่อคุณแม่เจอมา พร้อมกับเล่าวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ได้ผล และวิธีการแก้ปัญหาที่ได้ผล

สร้างความมั่นใจให้ลูก

บางครั้งบางหนที่คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกยอมเพื่อนนั้น ไม่ได้หมายความลูกเป็นเด็กหัวอ่อน เพียงแต่ลูกยังไม่มีความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น วิธีง่าย ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวันก็คือ ปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างมีอิสระ ให้เขาได้มีความคิดสร้างสรรค์ ให้ลูกได้รู้จักการช่วยเหลือตัวเอง อาจทำเรียบร้อยบ้าง ไม่เรียบร้อยบ้างก็ไม่เป็นไร ไม่เปรียบเทียบลูกตัวเองกับคนอื่น ปล่อยให้ลูกได้ตัดสินใจเอง ให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็น และที่สำคัญ อย่าลืมชื่นชมลูกเมื่อลูกทำดี (ตามสมควร) เหล่านี้ก็จะเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งในจิตใจ ลูกจะมีความมั่นใจในตัวเอง ไม่คล้อยตามคนอื่นหากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ลูกจะมีความมั่นคงทางอารมณ์ ความรู้สึก ยอมรับฟังเหตุผลต่าง ๆ จากคนอื่นได้

แม่โน้ต

แม่โน้ตเห็นมาค่อนข้างหลายกรณี ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยชื่นชมลูกเลย แล้วกลายเป็นปมในใจไปจนโต จนเค้าคนนั้นพูดออกมาว่าความใฝ่ฝันของเขาก็คือ “อยากให้คุณพ่อชมเค้าบ้าง” การชื่นชมจากคุณพ่อคุณแม่นับเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเห็นคุณค่าตัวเอง (Self-esteem) อีกด้วยนะคะ

เพราะบางครั้งลูกไม่ได้อยากยอมเพื่อน เพียงแต่ไม่รู้จักวิธีการแก้ปัญหา หรือวิธีพูดที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเด็กเล็ก ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องหมั่นสังเกตและสอนลูกถึงแนวทางที่จะเป็นเด็กดีมีน้ำใจ แต่ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เพื่อให้ลูกเติบโตและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง หมอเสาวภา เลี้ยงลูกเชิงบวก, นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP