สอนให้ลูกเคารพสิทธิของผู้อื่น เริ่มอย่างไร? มีอะไรบ้าง?

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

เพราะ “มนุษย์เป็นสัตว์สังคม” การที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่น การเคารพสิทธิของผู้อื่นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้ลูกได้เรียนรู้และเข้าใจ เรียกได้ว่าการเคารพสิทธิของผู้อื่นเป็นส่วนหนึ่งของมารยาทเลยก็ว่าได้ค่ะ

สอนให้ลูกเคารพสิทธิของผู้อื่น

การสอนให้ลูกได้เรียนรู้และรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่นสามารถเริ่มปลูกฝังและอธิบายให้ลูกได้เข้าใจ ดังนี้ค่ะ

ให้ลูกรู้จักการรอคอย

คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังและฝึกให้ลูกรู้จักการรอคอย ควบคุมความต้องการของตัวเองให้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ลูกบอกว่าอยากกินนมชมพู ให้คุณแม่ชงให้ที แต่คุณแม่ติดงานบ้านอื่นอยู่ คุณแม่ควรบอกลูกว่าเพราะอะไรที่คุณแม่ยังไม่สามารถทำให้ได้ทันที และขอเวลาอีก 5 นาที ซึ่งคุณแม่อย่าใจอ่อนเด็ดขาด เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ในเรื่องการจัดลำดับความสำคัญอีกด้วยค่ะ

ให้ลูกรู้จักหน้าที่และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น

อาจเริ่มจากกิจกรรมง่ายที่อยู่รอบตัวก่อนก็ได้ค่ะ เช่น การให้ลูกได้ช่วยเหลือตัวเองอย่างเรื่องของการแปรงฟัน การเก็บที่นอนเอง การไปจ่ายตลาดและช่วยคุณแม่ถือของ การช่วยทำงานบ้าน รวมไปถึงมารยาทบนโต๊ะอาหาร เป็นต้น

แม่โน้ต

เพราะการที่ฝึกให้ลูกได้รู้จักหน้าที่ของตนเองจะทำให้ลูกได้มองภาพรวมออกเมื่อต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ได้รู้ว่าตัวเองควรมีน้ำใจหรือมีหน้าที่จะช่วยเหลือใครได้บ้าง และที่สำคัญ เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของ SQ (Social Function) หรือ ความฉลาดในการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอีกด้วยค่ะ

ให้ลูกพึ่งพาตนเอง

เรื่องนี้นับเป็นอีกหนึ่งในหลาย ๆ เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังลูกค่ะ เพราะการที่เราต้องเดินด้วยขาตัวเองข้างหนึ่ง ขาของผู้อื่นข้างหนึ่งคงเป็นเรื่องที่ลำบากแน่ ๆ ดังนั้น การฝึกลูกให้พึ่งพาตัวเองได้ สามารถเริ่มได้จากการให้ลูกช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวัน การเก็บที่นอนเอง หรือหากลูกอยู่ในวัยเรียนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมอุปกรณ์การเรียนของลูกให้พร้อม

แม่โน้ต

การที่เด็กจะสามารถพึ่งพาตนเองได้นั้น พื้นฐานต้องทำให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเองก่อน มั่นใจว่าเขาสามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้คนเดียว ยกตัวอย่างเรื่องของอุปกรณ์การเรียน ที่ว่าต้องเตรียมให้พร้อม ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นของแพง เอาแค่พอใช้ได้ก็พอ เช่น ดินสอสี หากลูกไม่มีในห้องเรียนลูกก็ต้องไปยืมเพื่อน เข้าข่ายต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่ดี และลูกจะขาดความมั่นใจในตัวเองไปได้ค่ะ เขาจะคิดว่างานจะเสร็จได้ต้องรอสีจากเพื่อน

มอบหมายงานบ้านให้ลูกทำ

เริ่มจากงานง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อนก่อน เช่น การชวนลูกเข้าครัว เด็ดผักใบง่าย ๆ ก่อน การกวาดบ้าน การตากผ้า และการพับผ้า เป็นต้น เพราะขณะที่ทำงานบ้าน ลูกอาจเจอกับอุปสรรคเล็ก ๆ บางอย่าง ซึ่งลูกต้องคิดแก้ปัญหาเอง เริ่มแรกเขาอาจจระรู้หรือไม่รู้ก็ได้ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ได้คือ เขาจะได้เรียนรู้วิธีแก้ปัญหา และการเรียงลำดับงานก่อน-หลัง ฝึกการคิดวิเคราะห์เมื่อเกิดปัญหา

ทำโทษเมื่อลูกทำผิด

ที่ว่าต้องทำโทษ ไม่ใช่การดุด่าแรง ๆ หรือการตีนะคะ แต่เป็นการปรามให้ลูกได้รู้และแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูกต้อง รู้จักผิดชอบชั่วดี ซึ่งนอกจากการปรามแล้ว คุณแม่ควรอธิบายให้เหตุผลลูกที่ถูกต้องด้วยนะคะ ว่าที่คุณแม่ต้องทำโทษนั้นเพราะอะไร แล้วอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง ควรทำ

ปลูกฝังเรื่อง “การให้และการรับ”

การให้” เป็นเรื่องดี “การรับ” ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน สำหรับโน้ตการปลูกฝังทั้ง 2 ด้านนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการให้สามารถเริ่มได้จากการให้ลูกเลือกของเล่นที่ไม่เล่นแล้วออกมาเพื่อเอาไปบริจาค เป็นการส่งต่อที่คนอื่นยังสามารถเอาไปใช้ได้ต่อ รวมถึงการทำบุญ ทำทานตามกำลังที่เรามี

แม่โน้ต

ส่วน “การรับ” โน้ตก็สอนลูกเช่นกันค่ะ ลองจินตนาการตามนะคะ สมมติว่าเราชอบที่จะให้ แต่คนรับไม่รับ ประตูแห่งความอิ่มใจก็ปิดลงทันที กลับกัน แม้ผู้รับไม่ได้อยากรับแต่เขาเข้าใจความรู้สึกของการเป็นผู้ให้ เขาก็เต็มใจรับ ผู้ให้ก็จะรู้อิ่มใจขึ้นมาทันที ความสุขไม่ได้จำกัดแค่การเป็น “ผู้ให้” อย่างเดียว “ผู้รับ” ก็สามารถสร้างสุขได้เช่นกัน

สอนให้ลูก “ขอโทษ” และ “ขอบคุณ” จนเป็นนิสัย

การ “ขอโทษ” จากใจ ขอโทษด้วยความเข้าใจว่าเขาทำผิดไป เป็นสิ่งสำคัญซึ่งสามารถเริ่มได้จากการที่คุณพ่อคุณแม่อธิบายให้ลูกเข้าใจ ส่วนการ “ขอบคุณ” นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะสอนลูกแล้ว ควรเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกด้วยนะคะ เพราะการทำให้ลูกเห็นเป็นการสอนที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่ได้ผลมากที่สุด

วิธีการสอนลูกรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่นทั้งหมดที่กล่าวมา ต้องอาศัยระยะเวลาค่ะ เมื่อลูกโตขึ้นเขาจะมีความเข้าใจได้มากขึ้น เขาจะสามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่ซับซ้อนได้มากขึ้น แต่ก็ควรปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ๆ นะคะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้ลูกที่เป็นคนดีของสังคม รู้จักการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP