“Thailand 4.0”…เชื่อว่าคำนี้คุณพ่อคุณแม่คงเคยได้ยินหรือผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้วซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้ว Thailand 4.0 ก็คือ ในอนาคตประเทศไทยจะเข้าสู่ยุคดิจิทัล ยุคที่ใช้หุ่นยนต์ มากกว่าคนแต่ขณะเดียวกัน “ครอบครัว” ต้องช่วยกันเตรียมความพร้อมโดยเฉพาะ “ด้านทรัพยากรมนุษย์” นั่นคือ “การเลี้ยงลูกให้สอดคล้องกับความเป็น Thailand 4.0” เพราะอย่าลืมว่าหุ่นยนต์เกิดขึ้นมาได้ก็ด้วยการสร้างสรรค์ของมนุษย์นั่นเอง ดังนั้น สิ่งที่สังคมต้องการจากมนุษย์เรา หรือจากเด็กยุคใหม่ คือ
“ความคิดสร้างสรรค์การคิดวิเคราะห์ที่ฉับไวการสื่อสาร และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี (SQ)”
สารบัญ
เริ่มตั้งเป้าให้ลูก
อย่างแรก คุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งเป้าในการเลี้ยงลูกไว้ก่อน อย่าตั้งเยอะนะคะ เดี๋ยวจะกลายเป็นกดดันทั้งคุณแม่และลูก อาจจะเริ่มจาก…
สอนให้ลูกคิดเป็น
เพราะการสอนให้ลูกคิดเป็นนี้ก็แทบจะครอบคลุมในทุกเรื่องเลย อาทิเช่นการคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรทำอะไร รู้จักหาวิธีการสื่อสาร เป็นต้น หรือหากในเรื่องของศีลธรรมเช่น สอนให้เด็กก็จะรู้จักดี ชั่ว รู้จักการเสียสละ เป็นต้น
สอนให้รู้จักการปรับตัวเข้าสังคมและสถานการณ์ (SQ)
อาทิเช่น การสอนให้ลูกเป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย รู้ว่าสถานการณ์ไหนควรวางตัวอย่างไร รู้วิธีการผูกสัมพันธ์อย่างเหมาะสม รู้จักการใช้คำพูด รู้จักการแบ่งปัน เป็นต้น
สังเกตมั้ยคะว่า จาก 2 ข้อที่ได้กล่าวไป ไม่มีอะไรที่เน้นเลยว่า “ลูกต้องเรียนเก่ง” เพราะการเรียนดี เรียนเก่งไม่สามารถการันตีได้ว่าลูกจะประสบความสาเร็จในชีวิต
ไม่ใช่ว่า “ความรู้” จากโรงเรียนไม่สำคัญนะคะ เพียงแต่ว่าคุณพ่อคุณแม่อย่าหวังพึ่งจากทางโรงเรียนฝ่ายเดียว ทางครอบครัวต้องเป็นตัวหลักในการปูทางให้ลูกด้วย ให้ลูกรู้จักคิดเป็นจนวันนึงเค้าสามารถบอกเราได้ว่า “เค้าอยากเป็นอะไร?”
คุณพ่อคุณแม่มีหน้าที่คอยผลักดันลูกด้วยการ “สร้างโอกาส” ให้เค้าฝึกให้เด็ก “ได้เรียนรู้” มากกว่า “การท่องจำจากตำรา” เพียงอย่างเดียวมาขนาดนี้แล้วจึงขอยกตัวอย่าง การเรียนการสอนในวัยประถมของประเทศฟินแลนด์กันซักหน่อยเพราะที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็น “ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก”
ที่นั่นเด็กในวัยประถมศึกษากำหนดให้เรียนในห้องเรียนเพียง 5 ชม.ต่อวัน นอกนั้นเป็นการศึกษาจากนอกห้องเรียนล้วนๆ มีอยู่วันนึง เด็กชายคนนึงออกไปวิ่งเล่นที่สนามหญ้าของโรงเรียนหลังเลิกเรียน แล้วก็ไปเจอกับตั๊กแตนสีเขียว อีกวันนึงเจอบกัตั๊กแตนสีน้ำตาล เค้าจับมันใส่ขวด เก็บอย่างดีวันรุ่งขึ้นเค้านำ 2 ขวดนี้ไปถามครูชีววิทยาว่าเป็นสายพันธุ์อะไร ซึ่งเป็นการทำให้เพื่อนได้เรียนรู้ไปด้วย และทำให้เค้าจำได้ดีกว่าอ่านจากตำรา
ที่สำคัญ ไม่มีการสอบวัดเกรด ไม่มีการทำให้เด็กรู้สึกเด่นว่าเรียนเก่งหรือรู้สึกด้อยว่าเรียนอ่อน
คุณพ่อคุณแม่ตั้งเป้าให้ตัวเอง
“เอ…พ่อกับแม่ต้องมีเป้าด้วยเหรอ?”
คำตอบคือ “มีแน่นอนค่ะ” เป้าของคุณพ่อคุณแม่นั่นคือ “สติ”
สติ ที่ไม่หลงเอาลูกของคนอื่นมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ไม่หลงอยู่ในการแข่งขัน แข่งเรียน แข่งกันว่าเงินเดือนของลูกใครดีกว่าหรือน้อยกว่า จนกลายเป็นเพิ่มแรงกดดันให้ตัวเองและลูก เพราะเด็กไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า “ความรักและความสุขจากครอบครัว” ลองคิดให้ดีเราอาจเคยเจอหรือเคยรู้มาว่าคนที่เรียนเก่งแต่ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ชีวิตล้มเหลวก็มี
อีกสิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจตั้งแต่แรกเกิดกันเลยทีเดียว นั่นก็คือ “สารอาหารที่ลูกได้รับ” โดยทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของทั้งสมองและร่างกายที่มีพัฒนาการดีสมวัย พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
จะว่าไปทั้งหมดทั้งมวล การเลี้ยงลูกยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะเด็กในยุค Generation Z(เด็กที่เกิดหลังปี 1995)ผนวกกับสังคมเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก เป็นสังคมดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น คงเลี่ยงไม่ได้ที่ลูกจะสนใจ “เรื่องหน้าจอ” ตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็คงต้องให้เล่นอย่างถูกทางหรือจำกัดเวลาในการเล่นไม่เกิน 1 ชม. ต่อวันและต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดนะคะ
“4.0” คือ การที่ประเทศไทยเราจะพัฒนาไปเป็น Thailand 4.0 ไม่ใช่กดดันว่าต้องให้ลูกเรียนได้ “เกรด 4.0” นะคะ เพราะเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องการเห็นลูก “มีความสุขเมื่ออยู่กับครอบครัว” มากกว่า