หลังคลอด (กรณีคลอดเอง) กับสิ่งที่คุณแม่ต้องทำ

การคลอดและหลังคลอด
JESSIE MUM

เพราะหลังคลอด คุณแม่มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ ไหนจะต้องดูแลตัวเองจากแผลคลอด ไหนจะต้องเตรียมเสื้อผ้าของลูกเผื่อไว้ในวันที่ลูกกลับบ้าน เตรียมผ้าอ้อม เตรียมน้ำยาซักผ้า เตรียมที่นอน เบาะ หมอน มุ้ง และอีกจิปาถะ วันนี้เรามีเช็คลิสต์มาให้คุณแม่แล้ว ไปดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง

ต้องเคลื่อนไหวร่างกายตัวเอง

เรื่องนี้สำคัญมากค่ะ หลังจากคลอดแล้ว แพทย์และพยาบาลจะแนะนำให้คุณแม่เคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินไปเดินมา หรือการให้เข้าห้องน้ำเอง รวมไปถึงการดูแลลูกเอง เนื่องจากการเคลื่อนไหวร่างกายนั้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อได้ขยับตัว และจะส่งผลให้แผลฝีเย็บสมานกันเร็วขึ้น

การดูแลฝีเย็บ

เป็นเรื่องปกติค่ะที่คุณแม่จะเจ็บที่แผลฝีเย็บ แต่ถ้าปวดมาก แพทย์จะให้ยาแก้ปวดในทุก ๆ 4 – 6 ชั่วโมง

การล้างแผลฝีเย็บ

ให้ใช้น้ำต้มสุก อุ่น ๆ นำผ้าสะอาดหรือสำลีมาซับให้แห้ง ห้ามใช้หัวฉีดล้างหรือใช้ฝักบัวล้างโดยตรง เพราะด้วยแรงดันของน้ำอาจทำให้ฝีเย็บเปิดได้ ทำให้เชื้อโรคเข้าแผล โดยหลังจากนี้ประมาณ 5 – 6 วัน แผลก็จะติดกันและแห้งสนิท

น้ำคาวปลา

คือ เนื้อเยื่อและเลือดที่ไหลออกมาจากโพรงมดลูกหลังการคลอด เกิดจากการหลุดลอกตัวของรก น้ำคาวปลานี้จะถูกขับออกมาจนกว่ามดลูกจนกว่าแผลจะหาย คุณแม่จึงต้องเตรียมผ้าอนามัยไว้ และหมั่นเปลี่ยนบ่อย ๆ โดยมากน้ำคาวปลาจะหมดไปภายใน 3 สัปดาห์

การให้นมลูก

  • เริ่มแรกน้ำนมอาจจะยังมาไม่มาก แต่คุณแม่ควรให้ลูกดูดกระตุ้นทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง โดยดูดสลับข้างกัน
  • คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้เต้านมคัดเป็นเวลานาน ไม่ต้องรอให้ลูกมาดูดก็ได้ค่ะ คุณแม่สามารถปั๊มออกมาก่อนส่วนหนึ่ง เพราะไม่เช่นนั้นอาจเกิดภาวะท่อน้ำนมอุดตันได้
  • ก่อนให้นมลูกทุกครั้งควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ควรเช็ดเต้านมและหัวนมทั้งก่อนและหลังให้นมลูกทุกครั้งด้วยการใช้สำลีสะอาดชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาด ตามด้วยผ้าแห้งซับ
  • ไม่ควรใช่สบู่ฟอกบริเวณเต้านม เพราะจะยิ่งทำให้หัวนมแห้งและแตกได้

การบริหารร่างกายหลังคลอด

คุณแม่สามารถบริหารร่างกายได้ตั้งแต่วันที่ 2 หลังจากการคลอด เพื่อให้ผนังท้องที่หย่อนคล้อยหลังคลอด และผนังช่องคลอดกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว นอกจากนี้คุณแม่ควรฝึกขมิบบ่อย ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มความกระชับของบริเวณช่องคลอด เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อพยุงช่องเชิงกราน และยังช่วยลดโอกาสการเกิดปัสสาวะเล็ดได้อีกด้วย

การกินอาหาร

  • ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย รสไม่จัด และมีกากใยมาก เพื่อป้องกันการท้องผูก และเน้นกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะในกลุ่มของโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ เพราะร่างกายต้องการนำอาหารเหล่านี้ไปสร้างน้ำนมให้ลูก และซ่อมแซมกล้ามเนื้อหลังคลอด ส่วนไขมันและคาร์โบไฮเดรตควรกินแต่น้อย แต่ไม่ควรงดนะคะ
  • เลี่ยงอาหารที่มีแอลกอฮอล์ เช่น กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำอัดลม รวมถึงเครื่องดื่มชูกำลัง
  • งดอาหารที่ปรุงไม่สุก และอาหารหมักดอง
  • งดอาหารที่มีกลิ่นฉุน หรือมีกลิ่นแรง เช่น อาหารที่ต้องปรุงด้วยเครื่องเทศ เพราะจะทำให้กลิ่นน้ำนมเปลี่ยนไป ลูกน้อยอาจปฏิเสธการกินนมได้

การพักผ่อนร่างกาย

หากลูกน้อยหลับ ให้คุณแม่งีบหลับบ้าง เรื่องนี้อาจง่ายสำหรับบางคน และก็ยากสำหรับบางคน ถ้าสามารถทำได้ก็ควรทำค่ะ แต่คุณแม่ไม่ควรหลับขณะที่ลูกกำลังเข้าเต้านะคะ เพราะเต้านมอาจไปอุดจมูกลูก ทำให้ลูกหายใจไม่ออกได้

การคุมกำเนิดหลังคลอด

ควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กันจนกระทั่งคุณแม่ได้รับการตรวจสุขภาพแล้วในช่วง 4 – 6 สัปดาห์หลังคลอด เพื่อรักษาฝีเย็บให้หายดีก่อน และเป็นการป้องกันการติดเชื้อในโพรงมดลูก นอกจากนี้ยังสามารถเริ่มคุมกำเนิดหลังจากได้รับการตรวจร่างกายแล้วเมื่อครบ 6 สัปดาห์หลังคลอดเช่นกัน

ตรวจร่างกายหลังคลอด

หลังคลอดแล้ว 4 – 6 สัปดาห์ คุณแม่ควรได้รับการตรวจร่างกาย เพื่อตรวจดูการคืนสภาพของปากมดลูกและอวัยวะอุ้งเชิงกราน รวมถึงตรวจหาความผิดปกติต่าง ๆ ด้วย

ทั้งหมดทั้งมวล เป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพของคุณแม่หลังคลอดกรณีคลอดปกติ ซึ่งสำหรับคุณแม่ผ่าคลอดก็จะมีวิธีดูแลร่างกายและแผลผ่าคลอดไปอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของท่าให้นม เรื่องของเสื้อผ้า เรื่องของการทำความสะอาดแผลผ่า รวมไปถึงเรื่องของการอาบน้ำ คลิกที่นี่ >> “ผ่าคลอด อาบน้ำอุ่นได้ไหม


เพิ่งคลอดลูกมาแบบผ่าคลอด จะอาบน้ำอุ่นได้เมื่อไหร่? หากคุณแม่ต้องการที่จะอาบน้ำหลังการคลอด ควรรอให้ครบกำหนดเสียก่อน ติดตามเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP