ท้องแก่แล้วยิ่งปวดหลังมากทำอย่างไรดี?

JESSIE MUM

อาการต่างๆ ของร่างกายคุณแม่ในขณะตั้งท้องนั้นสามารถเกิดอะไรกวนใจได้มากมายและเมื่อท้องแก่ขึ้นมากเท่าไรปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นก็ยิ่งต้องระวังและได้รับความใส่ใจเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเพราะว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ถ้าทำอะไรผิดพลาดนิดเดียวก็อาจส่งผลเสียที่ร้ายแรงกับลูกในท้องได้นั่นเอง

และอาการที่คุณแม่ส่วนใหญ่น่าจะต้องเจอกันก็น่าจะเป็นอาการปวดหลังนั่นเองแต่ถ้าจะนวดในช่วงนี้ก็เห็นท่าว่าอาจจะไม่ถนัดกันเสียเท่าไรและยิ่งถ้าไม่ได้นวดกับผู้เชี่ยวชาญก็อาจจะส่งผลเสียกับทั้งคุณแม่และลูกในท้องก็เป็นได้ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเราลองมารู้สาเหตุของอาการปวดหลังและการแก้ไขอาการนี้กันให้ถูกวิธีกันดีกว่า

อะไรทำให้คุณแม่ปวดหลังตอนท้องกันนะ?

ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป

เมื่อคุณแม่ตั้งท้องจะมีฮอร์โมนรีแลกซินเพิ่มเข้ามาในร่างกายซึ่งเจ้าตัวนี้แหละที่สามารถเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการปวดหลังของคุณแม่ได้เนื่องจากมันมีส่วนข้อต่อกระดูกและเส้นเอ็นมีความอ่อนตัวลงทำให้ช่วงหลังและช่วงสะโพกของคุณแม่นั้นต้องได้รับการกดทับมากขึ้นนั่นเอง

ตำแหน่งของลูกก็มีผลกับอาการปวดหลังได้

แน่นอนอยู่แล้วว่าอาการปวดหลังถ้าจะให้คิดแบบพื้นฐานที่สุดก็มาจากการที่ลูกในท้องนั้นมีน้ำหนักมาขึ้นเรื่อยๆ นั่นเองแต่ก็มีอีกสาเหตุหนึ่งได้นั่นก็คือการดิ้นของลูกจนทำให้เขาไปอยู่ในตำแหน่งที่ส่งผลต่ออาการปวดหลังของคุณแม่ได้นั่นเอง

น้ำหนักของคุณแม่เพิ่มขึ้น

ปกติถ้าไม่ท้องแต่ถ้าอ้วนขึ้นก็อาจจะปวดหลังได้อยู่แล้วแต่ยิ่งถ้าท้องด้วยแล้วล่ะก็อาการนี้ย่อมเดินทางมาทักทายคุณได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน เพราะน้ำหนักทั้งหมดจะไปลงที่กระดูกสันหลังแถมยังส่งผลไปที่ระบบประสาทและหลอดเลือดอีกด้วย

แล้วจะสามารถบรรเทาอาการปวดหลังช่วงท้องได้อย่างไรบ้าง?

การทานอาหาร

ทานอาหารมีประโยชน์นั้นมีส่วนช่วยในการไปช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กับร่างกายของคุณแม่ได้เป็นอย่างดีทานอาหารดีก็ถือว่ามีส่วนช่วยลดอาการปวดหลังได้เหมือนกัน และถ้าเลือกทานอาหารที่ไม่ส่งผลต่อน้ำหนักมาด้วยแล้วนั้นก็จะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาของความอ้วนที่เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหลังเช่นเดียวกัน

ออกกำลังกายในแบบที่เหมาะกับคุณแม่

ท้องอยู่แต่ความแข็งแรงของร่างกายก็ยังต้องมีอยู่เช่นเคยเพียงแต่ต้องเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมก็เท่านั้น และนอกจากร่างกายจะแข็งแรงแล้วนั้นก็ยังเป็นการเตรียมพร้อมก่อนคลอดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

อาบน้ำอุ่น

บอกได้เลยว่านี่คือวิธีการผ่อนคลายที่สามารถทำได้ทุกวันทั้งเช้าและเย็นการอาบน้ำอุ่นไม่ว่าจะด้วยการแช่หรืออาบแบบปกติก็ตามสามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี ถือว่านอกจากผ่อนคลายกล้ามเนื้อแล้วก็เป็นการผ่อนคลายความเครียดไปพร้อมๆ กันอีกด้วย เพราะคุณแม่สามารถนำสบู่หรืออุปกรณ์ดูแลผิวต่างๆ ไปทำระหว่างอาบน้ำอุ่นได้อีกด้วย ทั้งคลายปวด ลดเมื่อย ห่างไกลความเครียด และยังได้บำรุงผิวไปพร้อมๆ กันด้วย พลาดไม่ได้แล้ว

ประคบน้ำร้อน

ถ้าการอาบน้ำอุ่นยังช่วยคุณได้ไม่มากพอหรือไม่ตรงจุดเท่าที่ต้องการลองหากระเป่าน้ำร้อนใส่น้ำเดือดแล้วประคบเฉพาะจุดดูก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและสามารถคลายความปวดเมื่อยให้คุณได้เป็นอย่างดีอีกวิธีหนึ่งเลยทีเดียว

นอนตะแคง

นอนในท่าตะแคงและหาหมอนมารับน้ำหนักระหว่างเข่าของคุณแม่ก็สามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้มากเลยทีเดียว

หาหมอนรองหลัง

หากคุณแม่นั่งแล้วปวดเมื่อยหลังจะนั่งหลังงอก็ไม่ใช่วิธีที่เราอยากให้ทำมากนัก ลองเปลี่ยนเป็นการหาหมอนมารองหลังจะดีกว่ามากอย่างแน่นอน แถมยังทำให้คุณแม่ได้นั่งหลังตรงไม่เสียบุคลิกและไม่เป็นอันตรายกระดูกสันหลังอีกด้วย

รองเท้าก็สำคัญ

ลองหารองเท้าที่นุ่มสบายและรับน้ำหนักของคุณแม่ได้ดีจะช่วยลดอาการปวดหลังได้มากเลยทีเดียวหากตอนนี้คุณแม่ยังท้องไม่แก่นักลองออกไปตามหาคู่ที่ใช่แล้วใส่ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ยิ่งดีกับอาการปวดหลังของคุณอย่างแน่นอน

ไม่ยกของหนัก

พยายามหลีกเลี่ยงในข้อนี้ให้มากที่สุดเพราะนอกจากจะทำให้คุณแม่ปวดหลังได้แล้วนั้นยังอาจจะมีอันตรายกับลูกในท้องได้อีกด้วยหากพลาดพลั้งเกิดอุบัติเหตุหกล้มหรือกระแทก ควรระวังเป็นอย่างมาก

การพักผ่อนยังช่วยคุณแม่ได้เสมอ

แม้ว่าอาจจะมีอาการปวดหลังมาถามหาอยู่บ่อยๆ แต่หากคุณแม่ได้พักผ่อนเอนหลังอย่างเพียงพอรวมทั้งถูกท่าทางแล้วนั้นก็มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดหลังไปได้มากเลยทีเดียว

ลองหยิบยกเทคนิคการลดอาการปวดหลังในช่วงตั้งท้องที่ได้แนะนำไปในวันนี้ไปใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณแม่กันดูนะคะและหวังว่าจะสามารถช่วยบรรเทาหรือทำให้คุณแม่หายขาดจากอาการกวนใจเหล่านี้ได้…แต่หากมีปัญหามากจนรู้สึกทนไม่ไหวแล้วล่ะก็การไปพบและแพทย์เพื่อปรึกษาหาแนวทางแก้ไขอย่างถูกต้องและเหมาะสมก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีกับคุณแม่เหมือนกันค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP