คนท้องอดอาหารได้ไหม มีผลต่อลูกหรือเปล่า มีงานวิจัย

สุขภาพช่วงตั้งครรภ์

คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คน อาจจะทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจกับอาการแพ้ท้องโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก กินไปเดี๋ยวก็อาเจียนออกมาอีก จึงทำให้รู้สึกว่าไม่กินแล้วดีกว่า อดอาหารซะอย่างนั้น แต่คุณแม่รู้หรือไม่ค่ะว่าการอดอาหารขณะตั้งครรภ์ ส่งผลต่อสมองของลูกได้นะคะ

คนท้องอดอาหาร เสี่ยงกระทบต่อสมองลูกน้อย

คุณแม่มือใหม่หลายคนค่ะ ที่แพ้ท้องมากเสียจนตัวเองก็เหนื่อยกับการที่ต้องกินแล้วอาเจียนออกมา จึงเบื่อที่จะกิน และไม่อยากกินอาหารเลย ความจริงแล้วต่อให้คุณแม่จะแพ้ท้องหนักแค่ไหน ก็ควรจะกินอาหารไว้บ้าง วิธีง่าย ๆ ก็คือ ให้คุณแม่แบ่งมื้ออาหารออกเป็น 5 – 6 มื้อ ต่อวัน แต่ละมื้อให้กินในปริมาณน้อย ๆ ถ้าแพ้มากจริง เน้นกินอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่ายค่ะ ถ้าระหว่างมื้อหลัก คุณแม่สามารถจิบน้ำขิงอุ่น ๆ และแครกเกอร์ได้ แบบนี้ก็จะช่วยให้อาการแพ้ท้อง (เสียจนเหนื่อย) ดีขึ้น

แต่ลำพังว่า “อดอาหาร” เลยนี่ ไม่แนะนำเด็ดขาดค่ะ เพราะถึงแม้ในช่วงไตรมาสแรกลูกอาจจะยังไม่ต้องการสารอาหารอะไรมากจากคุณแม่ก็ตาม แถมคุณหมอก็ยังให้ยาบำรุงมาอีก (เสริมแคลเซียม ธาตุเหล็ก และโฟลิก) จึงอาจทำให้คุณแม่ยิ่งรู้สึกว่าไม่กินก็ไม่เป็นไรมั้ง …ผิดค่ะ เพราะหากคุณแม่อดอาหารจะส่งต่อสมองของลูกโดยตรง ซึ่งมีงานวิจัยจากสถาบันต่าง ๆ มากมายทีเดียว

คนท้องอดอาหาร กับงานวิจัย

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการอดอาหารในช่วงของการตั้งครรภ์โดยใช้แม่ลิงบาบูนที่อยู่ในศูนย์วิจัยลิงของมูลนิธิตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อการวิจัยชีวแพทย์ (Southwest Foundation for Biomedical Research) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1

เป็นกลุ่มแม่ลิงบาบูนที่ได้รับอนุญาตให้กินได้มากเท่าที่มันต้องการ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของการตั้งครรภ์

กลุ่มที่ 2

เป็นกลุ่มแม่ลิงบาบูนที่ถูกจำกัดการให้อาหาร ให้เหลือเพียงไม่ถึง 30% ต่อวัน โดยอาหารนั้นเป็นอาหารที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผู้หญิงตั้งครรภ์กินได้ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์

ผลของงานวิจัย

ผลจากการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ นักวิจัยพบว่า ทารกในครรภ์ของแม่ลิงบาบูนที่ถูกควบคุมปริมาณอาหารนั้น ได้รับผลกระทบ คืออันตรายจากการเชื่อมต่อของเซลล์และการแบ่งเซลล์ รวมถึงพัฒนาการต่าง ๆ ในร่างกายนั้นลดลง และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ การที่ลูกลิงบาบูนได้รับสารอาหารที่มีอย่างจำกัด มีผลให้เกิดการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท และยีนที่ทำหน้าที่ควบคุมเซลล์ สำหรับการเจริญเติบโต รวมถึงพัฒนาการด้านต่าง ๆ อีกด้วย

แม่ท้องควรกินอย่างไรไม่ให้อ้วน

เชื่อว่าคุณแม่ท้องหลายคนอาจจะกังวลว่าตัวเองท้องแล้วจะตัวบวม ตัวอ้วน อยากจะควบคุมอาหาร รักษาหุ่น เกรงใจตัวเองกลัวว่าหลังคลอดแล้วหุ่นจะไม่เซี๊ยะเหมือนเดิม ถ้าเป็นอย่างนี้ แนะนำให้คุณแม่ปฏิบัติดังนี้ค่ะ

กินมังสวิรัติ และโปรตีนจากแหล่งอื่นทดแทน

หากคุณแม่ยังคงมีความกังวลเรื่องน้ำหนักที่กลัวว่าจะเยอะเกินไป และจะไม่ลดลงหลังคลอด ลองเปลี่ยนมากินอาหารมังสวิรัติดูดนะคะ เน้นผักและผลไม้ ส่วนโปรตีนซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ให้กินอาหารจำพวกโปรตีนจากแหล่งอื่นแทน เพื่อที่ลูกน้อยจะได้สารอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วนค่ะ

ออกกำลังกายเบา ๆ

หลังกินอาหาร คุณแม่สามารถเดินย่อย หรือออกกำลังกายเบา ๆ ได้ หรือถ้ากินอาหารไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถเล่นโยคะได้เบา ๆ เพื่อเป็นการช่วยย่อย และยืดเส้นยืดสายแบบนี้ก็จะไม่ทำให้คุณแม่อ้วนแล้วค่ะ

คำนวณน้ำหนักขณะตั้งครรภ์

หลังจากทำมาแล้ว 2 ข้อ คุณแม่ก็อย่าลืมชั่งน้ำหนักด้วยนะคะ ว่าต่ำกว่าเกณฑ์ไปหรือเปล่า เพราะถ้าหากผอมมากไป อาจส่งผลต่อลูก เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อต่าง ๆ ลูกจะมีน้ำหนักน้อยหลังคลอด แต่ถ้ามีน้ำหนักที่มากเกินไปขณะตั้งครรภ์ก็จะมีความเสี่ยงอีกเช่นกัน เสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ และเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด

พยายามอย่าอดอาหารเด็ดขาด

อดอาหาร” ห้ามเด็ดขาดเลยค่ะ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก ต่อให้คุณแม่จะแพ้ท้องหนักมากแค่ไหนก็พยายามอย่าอด เพราะลูกจะได้รับสารอาหารน้อยเกินไป ถ้าแพ้มากอาจเลือกกินอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับลูกน้อยก่อน เช่น โปรตีน แคลเซียม กรดโฟลิก ธาตุเหล็ก สังกะสี และไอโอดีน เป็นต้น

ถึงแม้ว่าคุณแม่ท้องจะมีอาการแพ้ท้องมาก แต่ไม่แนะนำให้อดอาหารนะคะ อดทนนิดค่ะคุณแม่ เพราะเมื่อไตรมาสแรกผ่านไปแล้ว อาการแพ้ท้องก็จะดีขึ้นแล้วค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP