คุณแม่มือใหม่หลายท่านอาจจะยังไม่เคยได้ทราบกันว่าการตั้งครรภ์นั้นมี “อาการท้องแข็ง” เกิดขึ้นด้วยหรอ? แล้วมันคืออะไร? อาการเป็นอย่างไร? แบบไหนที่เรียกว่าอันตราย? สำหรับผู้เขียนเองมารู้ว่ามีอาการนี้ก็ตอนอยู่ในห้องฉุกเฉินแล้วค่ะ จะรอคลอดแล้ว
ปกติแล้วเวลาที่อายุครรภ์มากขึ้นเรื่อยๆ มดลูกก็จะโตมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ปกติแล้วก็จะมีลักษณะนิ่มๆ มีเบบี๋ดิ้นอยู่ข้างใน แต่วันดีคืนดี อ้าว…ทำไมมันแข็งเป็นก้อน เช้าแข็งตรงนี้ บ่ายไปแข็งตรงโน้น อีกวันแข็งหมดทั้งท้อง ใช่สัญญาณการคลอดก่อนกำหนดหรือเปล่า?
อย่างที่บอกค่ะยิ่งท้องแก่ บางทีคุณแม่ลุกก็แข็ง นอนก็แข็ง ทำอะไรนิด อะไรหน่อยก็แข็ง ซึ่งอาการท้องแข็ง หรือ มดลูกบีบตัว จะเป็นต้องมีอาการถี่แค่ไหนถึงจะเรียกได้ว่าคลอดก่อนกำหนด วันนี้ผู้เขียนมีรายละเอียดมาฝากค่ะ
Youtube : ท้องแข็ง เป็นอย่างไร? แบบไหนเบบี๋โก่งตัว แบบไหนอันตราย?
สารบัญ
อาการท้องแข็งมีกี่แบบ?
ท้องแข็งเพราะเบบี๋โก่งตัว
โดยปกติถ้าเป็นในทางการแพทย์ คำว่า “ท้องแข็ง” จะหมายถึงแค่ “อาการบีบตัวของมดลูก” แต่ในคนทั่วไป ท้องแข็งมีหลายอาการ…
“แข็งบางที่ นิ่มบางที่” นั่นเป็นเพราะว่า ตัวเบบี๋โตแล้ว มีแขน ขา หลัง ก้น ศอก และไหล่ ดังนั้นเวลาที่เค้าอยู่ในท้องคุณแม่ที่นิ่มๆ ก็จะมีด้านนึงที่แข็ง ซึ่งก็คือเป็นหลังกับก้น ส่วนอีกด้านเมื่อคลำไปก็จะมีอาการดิ้นเบาๆ ซึ่งก็คือ มือและเท้านั่นเองค่ะ
แบบนี้เป็นธรรมชาติของเบบี๋ที่จะกลับตัวหรือโก่งตัวค่ะ ไม่มีอันตรายอะไร
ท้องแข็งเพราะเพิ่งทานข้าวเสร็จ
เวลาที่คุณแม่เริ่มท้องแก่ และพื้นที่ในท้องคุณแม่ก็มีจำกัด มดลูกก็โตเอาโตเอาจนไปเบียดกระเพาะปัสสาวะซะแบนแต้ดแต๋ เบียดกระเพาะอาหาร เบียดลำไส้จนร่นขึ้นไปอยู่ใต้กระบังลม ดังนั้น เวลาคุณแม่ทานอะไรนิด อะไรหน่อยก็จะบ่นว่าแน่นท้อง อาการแบบนี้ไม่ใช่อาการของมดลูกบีบตัวนะคะ แต่มดลูกถูกอวัยวะอื่นเบียดจนแข็ง แต่ถ้าคลำดูช่วงท้องเท่านั้นที่แข็งค่ะ ส่วนมดลูกยังนิ่มอยู่
เพราะฉะนั้นหากไม่ให้ทานอาหารแล้วแน่นเกินไป คุณแม่ควรกินครั้งละน้อย แต่บ่อยแทน เน้นอาหารที่ย่อยง่าย หลังทานแล้วควรรอให้เรอซะก่อน ที่สำคัญควรให้ถ่ายท้องทุกวัน เก่าไปใหม่มาร่างกายคุณแม่จะได้สบายขึ้น แล้วจะส่งผลให้อารมณ์ดีด้วยค่ะ
ท้องแข็งเพราะมดลูกบีบตัว
สำหรับอาการในข้อนี้ดูจะเริ่มอันตรายแล้ว เพราะเป็นมดลูกจะแข็งทั้งหมด ไม่ใช่แข็งบางจุด นิ่มบางจุดเหมือนก่อนหน้า
ปกติแล้วอาการท้องแข็งแบบของแท้ (มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด) มักไม่ค่อยเกิดกับคุณแม่ที่ท้องอ่อนๆ อายุครรภ์ยังไม่ถึง 28 สัปดาห์ แต่จะพบบ่อยที่สุดคือ ช่วงอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ เป็นช่วงที่เบบี๋ดิ้นมากที่สุด เพราะการที่เค้าดิ้นมากๆ อาจส่งผลให้มดลูกบีบตัวเร็วก็เป็นได้
ถ้าผ่านช่วง 32-34 สัปดาห์ได้แล้ว อาการท้องแข็งละน้อยลง จนบางคนเลยกำหนดคลอดแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมออกจากท้องแม่ซะทีก็มีค่ะ
ท้องแข็งแบบนี้…อันตราย
เพราะมดลูกเป็นก้อนกล้ามเนื้อที่ใหญ่และแข็งแรงมาก บางทีเค้าก็คงอยากยืดเส้นยืดสายบ้าง ก็จะมีการค่อยๆ บีบตัวทีละนิดๆ จะแข็งตัว แล้วก็จะค่อยๆ คลายตัวทีละนิดๆ เช่นกัน จะเป็นแบบนี้วันละ 6-10 ครั้ง แบบนี้ถือว่าปกติค่ะ
แต่ถ้าหากคุณแม่มีอาการเจ็บท้องบ่อยเกินกว่า 10 ครั้งต่อวัน แถมบางทีแข็งก็แข็งนาน หรือแข็งจนเจ็บเกร็ง อย่างนี้ควรไปพบคุณหมอแล้วล่ะค่ะ เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยถึงสาเหตุว่าทำไมท้องถึงแข็งนาน หรือทำไมเบบี๋อยากออกมาเจอหน้าคุณพ่อคุณแม่แล้ว รวมไปถึงการให้คุณหมอวินิจฉัยค่ะว่าจะให้เบบี๋อยู่ในท้องไปก่อนรอโตอีกหน่อยหรือจะให้ออกมาเจอกับคุณพ่อคุณแม่ดี โดยคุณหมอจะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักค่ะ
ทำอย่างไรเพื่อป้องกันอาการท้องแข็ง (เจ็บครรภ์ก่อนกำหนด)
- ห้ามบิดขี้เกียจ เพราะเวลายืดตัวจะทำให้ช่องท้องเล็กลง ความดันในมดลูกจะสูงขึ้น ท้องจะแข็ง (เดินให้น้อยที่สุด) คุณแม่พยายามนอนพักหรือนั่งพักให้ได้มากที่สุดนะคะ ไม่อย่างนั้นมดลูกอาจบีบตัวได้ค่ะ
- เวลาจะนอนหรือจะลุก ให้ตะแคงร่างแทนการหงายตรง เพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องจะทำงานน้อยลง
- อย่ากลั้นปัสสาวะ เพราะกระเพาะปัสสาวะที่โตจะไปเบียดมดลูกทำให้ท้องแข็ง
- ห้ามมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้าย เพราะจะทำให้หัวใจเต้นเร็วและมดลูกบีบตัว
- อย่าเพิ่งยุ่งกับหน้าอกหน้าใจ เพราะหากจุดติดเดี๋ยวจะยุ่ง
ทราบอย่างนี้แล้ว เพื่อความปลอดภัยและความชัวร์ คุณแม่ควรสังเกตุการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในแต่ละวันด้วยนะคะ (แม้อายุครรภ์น้อยๆ ก็ตาม) เพื่อความแข็งแรงและปลอดภัยของทั้งคุณแม่และเบบี๋ค่ะ