น้ำหนักเท่านี้…คุณแม่สุขภาพดีแน่นอน

สุขภาพช่วงตั้งครรภ์

น้ำหนักมากหรือน้อยเกินไปไม่ดีแน่ๆ ค่ะ เพราะการไม่ควบคุมน้ำหนักจนทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นหรือน้อยเกินไปขณะตั้งครรภ์ จะส่งผลต่อตัวคุณแม่และลูกน้อยได้

น้ำหนักน้อยเกินไป

  • ผลต่อลูก ทำให้ลูกน้ำหนักตัวน้อยไปด้วย ขาดสารอาหาร ร่างกายมีพัฒนาการช้า
  • ผลต่อแม่ ทำให้มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด

น้ำหนักมากเกินไป

  • ผลต่อลูก มีน้ำหนักแรกเกิดน้อยเพราะโรคแทรกซ้อนของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์และสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด อีกกรณีทำให้ลูกมีน้ำหนักตัวมาก ตัวใหญ่ คลอดยาก ต้องผ่าตัดคลอด และนำไปสู่ภาวะอ้วนในเด็ก สัมพันธ์กับโรคเรื้อรังของเด็กในอนาคต
  • ผลต่อแม่ เกิดโรคแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ได้ง่าย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นโรคอ้วนจนหลังคลอด ลดน้ำหนักได้ยาก และรูปร่างไม่กลับมาสวยงามเหมือนก่อน

น้ำหนักแค่ไหนจึงจะพอดี?

เมื่อรู้แล้วว่าน้ำหนักที่มากไปหรือน้อยไปไม่ดีแน่ เราจึงต้องการให้คุณแม่รู้ก่อนว่าน้ำหนักของตัวเองอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ ด้วยการหาค่าดัชนีมวลกายจากน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ (Body Mass Index หรือ BMI)

วิธีคำนวณ BMI

ค่า BMI

หลังได้ผลลัพธ์แล้ว คุณแม่จะรู้ว่าตัวเองมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ไหน และน้ำหนักควรเพิ่มเท่าไรในขณะตั้งครรภ์ ตามตารางนี้เลยค่ะ

ภาวะน้ำหนัก ค่า BMI ก่อนการตั้งครรภ์ น้ำหนักที่ควรเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์
น้ำหนักน้อย น้อยกว่า 18.5 12.5-18 กก.
น้ำหนักปกติ 18.5-22.9 11.5-16 กก.
น้ำหนักเกิน 23.0-24.9 7-11.5 กก.
อ้วน มากกว่า 30 5-9 กก.

น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากไหนกันนะ? หากคุณแม่กำลังสงสัยว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

  • เต้านมที่ขยายใหญ่ขึ้น 0.45-1.4 กิโลกรัม
  • ปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น 0.4-1.8 กิโลกรัม
  • ไขมันสะสม 2.7-3.6 กิโลกรัม
  • ลูกน้อย 3.2-3.6 กิโลกรัม
  • น้ำคร่ำ 0.9 กิโลกรัม
  • รก 0.7 กิโลกรัม
  • ขนาดมดลูกที่ใหญ่ขึ้น 0.9 กิโลกรัม

อัตราการเพิ่มของน้ำหนักตัวระหว่างการตั้งครรภ์ มีดังนี้ค่ะ

  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วง 3 เดือนแรกของอายุครรภ์ หรือไตรมาสแรก (1-3 กิโลกรัม)
  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาส 2 และ 3 (6-9 เดือน) สัปดาห์ละ 0.5 กก. หรือ 0.7 กก. ถ้าเป็นแฝด

หลักการเพิ่มน้ำหนักเพื่อให้ได้ครรภ์คุณภาพ

  • ทานอาหารมื้อหลัก 3 มื้อ และให้เพิ่มอาหารว่างเป็น 2-3 มื้อต่อวัน
  • ทานบ่อยขึ้นแต่ลดปริมาณ
  • ใช้จานใส่อาหารขนาดเล็กลง
  • งดเติมอาหาร
  • ห้ามงดอาหารมื้อหลัก เพราะอาจทำให้ทานมากขึ้นในมื้อถัดไป
  • เลือกทานผลไม้แทนขนมหวาน
  • เลือกพืชตระกูลถั่วหรือธัญพืชอบกรอบแทนมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ
  • เลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมันที่ปรุงสุกด้วยการต้ม นึ่ง หรืออบ
  • เลือกกินข้าวกล้องและขนมปังโฮลวีท ช่วยให้อิ่มท้อง และมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า
  • ทานผักให้มาก และเลือกผลไม้ที่มีกากใยสูงและหวานน้อย
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
  • ดื่มเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำเปล่า ซุปใส นมไขมันต่ำ นมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ นมถั่วเหลืองรสจืดหรือหวานน้อย และน้ำผัก ผลไม้ที่คั้นสด

อาหารที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงเพราะเสี่ยงต่อน้ำหนักเกิน

  • น้ำอัดลม หรือน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเยอะเกินไป
  • ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มกลุ่มนี้อย่าคิดว่าไม่มีไขมันนะคะ ไตรกลีเซอไรด์ตัวดีเลยจร้า
  • ขนมหวานจัด นอกจากจะทำให้น้ำหนักเกินแล้ว ยังเสี่ยงทำให้เป็นเบาหวานได้ด้วยนะคะ
  • อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง นอกจากจะไขมันสูงแล้ว ยังเสี่ยงต่อสารกันบูด หรือเสื่อมคุณภาพ
  • อาหารหมักดอง อาหารรสเค็มจัด เนื่องจากมีเกลือเป็นส่วนผสมอยู่มาก อาจทำให้บวม และเสี่ยงอันตรายต่อไต ท้องเสีย รวมถึงความดันโลหิตสูงได้
  • อาหารเสริม ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คุณแม่ควรเลือกเสริมวิตามินจากอาหารธรรมชาติจะดีกว่าค่ะ เพราะอาหารเสริมมักใส่ส่วนผสมแบบรวม บางตัวก็ไม่เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่ถ้าคุณแม่ขาดสารอาหารจริงๆ ควรเลือกแบบเฉพาะสูตรหญิงตั้งครรภ์ และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยา

เอาละค่ะ หวังว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์คงจะมีน้ำหนักดีตามเกณฑ์ ลูกออกมาแข็งแรงน้ำหนักตามมาตรฐานเช่นกันนะคะ ในระหว่าง 9 เดือนนี้ก็ขอให้คุณแม่เลือกทานอาหารดีๆ เพื่อให้ได้ครรภ์คุณภาพค่ะ


แม่ พลอย

34,917 views

Profile

บทความแนะนำ