ก้าวเข้าเดือนที่ 4 ของลูกในครรภ์ คุณแม่ทุกคนที่ไปตรวจครรภ์ทุกๆ เดือน ได้ตรวจร่างกาย และได้เห็นพัฒนาการของลูกในครรภ์ที่เห็นชัดว่ามีรูปร่างที่ชัดเจนขึ้น และรวมตัวคุณแม่ด้วยว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้น ตอนนี้ยังมีอาการแพ้ท้องอยู่หรือไม่ แล้วถ้าไม่มีอาการแพ้ท้องแล้ว คุณแม่อาการอะไรอย่างอื่นอีกหรือไม่
ครรภ์ 4 เดือน ถือเป็นระยะที่ลูกในครรภ์ร่างกายพัฒนาจนเกือบสมบูรณ์ หากมีการอัลตราซาวนด์ ลูกจะมีขนาดตัวยาวมากขึ้น น้ำหนักมากขึ้น จะมองเห็นสีผิวชัดขึ้น อีกทั้งยังเคลื่อนไหวมากขึ้น การมาตรวจครรภ์ตามแพทย์นัดหมาย ก็จะมีการตรวจร่างกาย ทั้งชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต ตรวจปัสสาวะ วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดขนาดของมดลูก ค่าวัดตอนนี้ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น และคุณแม่ยังมีอาการอื่นๆ อีกหรือไม่สำหรับอายุครรภ์ 4 เดือนนี้
สารบัญ
อาการที่พบของคุณแม่ครรภ์ 4 เดือน
อาการแพ้ท้อง
ตอนนี้อาการแพ้ท้อง อย่างคลื่นไส้ อาเจียน เหม็นกลิ่นต่างๆ ลดลงมากขึ้น คุณแม่บางคนอาจไม่มีอาการแพ้ท้องจากการคลื่นไส้ ทำให้ตอนนี้กินอาหารได้อย่างสบายขึ้น แต่อาการทางด้านอารมณ์ยังไม่คงที่ แต่อาจจะลดลงจากเดิม
แน่นท้อง
อาการแน่นท้อง แสบท้อง เกิดจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนเข้ามาในหลอดอาหาร เนื่องจากมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้นจึงดันกระเพาะอาหารขึ้น และฮอร์โมนเพิ่มขึ้น จึงมีกรดหรือน้ำย่อยไหลย้อน ซึ่งจะทำให้รู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ และบริเวณทรวงอก
เวียนศีรษะ
คุณแม่จะยังมีอาการอ่อนเพลียง่ายอยู่ หากใน 1 วันคุณแม่ยังคงใช้แรงกายในการทำงานบ้าน อาจจะเกิดการเวียนหัว หน้ามืดได้ หากคุณแม่นอนกลางวันยาก ก็ใช้การเอนหลังพักสายตาดูก็ได้
ขา เท้าบวม
ขยับร่างกาย ออกกำลังกาย เช่น การเดิน หรือวันนี้ต้องไปจับจ่ายซื้อของเข้าบ้าน ช่วงนี้คุณแม่จะมีอาการเกี่ยวกับขา และเท้าเข้ามา คืออาการบวม เพราะคุณแม่กำลังเดินมากเกินไป ลองเปลี่ยนเป็นการเดินและนั่งพักระหว่างทางมากขึ้น และกลับบ้านให้คุณพ่อช่วยเตรียมน้ำอุ่นแช่เท้าที่บวม และนวดขา เท้า ก็จะช่วยลดอาการบวม แถมผ่อนคลายยิ่งขึ้น หรือพบเส้นเลือดขอดที่ขา เป็นเส้นสีเขียว ให้คุณพ่อใช้สันมือนวดคลึงเบาๆ ก็จะคลายเส้นลงได้
ปวดหลัง
ลูกในครรภ์มีขนาดใหญ่ขึ้น คุณแม่ก็ต้องแบกรับน้ำหนักมากขึ้น และเมื่อคุณแม่ปวดหลังมากขึ้น จึงไม่ควรใช้ยาช่วยบรรเทาปวด ฉะนั้นอย่าทำงานหักโหม ไม่สวมใส่ส้นสูง ให้สวมใส่รองเท้าที่นุ่มสบายเท้า ไม่ออกกำลังกายหนัก และไม่ควรก้มตัวลงเก็บของที่พื้นเด็ดขาด
รูปร่าง
เอว สะโพก หน้าท้องขยายใหญ่ชัดขึ้น ตอนนี้เสื้อผ้าคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะใส่ชุดไหนไม่ให้รัดตัวแล้ว ควรชวนคุณพ่อไปหาซื้อเสื้อผ้าชุดคลุมท้องที่หลวมสบาย สามารถใส่ได้อีกในหลายๆ อายุครรภ์ และชุดชั้นในที่ไม่รัดหน้าอก ไม่มีโครงเหล็ก
น้ำหนัก
คุณแม่หลายคนคงกลัวการชั่งน้ำหนักเสียแล้ว แต่น้ำหนักตัวจะเพิ่มก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะลูกในครรภ์ของคุณแม่ก็มีน้ำหนักมากขึ้นเช่นกัน หรือคุณแม่หายแพ้ท้องและลูกโตขึ้นจึงกินมาก คุณแม่ควรควบคุมอาหาร ต้องไม่ตามใจอยาก อาหารที่กินเข้าไปบางอย่างก็ไม่เหมาะที่จะกินเสมอไป เช่น ขนมหวานทุกชนิด หรือผลไม้ที่มีความหวานในตัว ทานมากๆ นอกจากจะเพิ่มน้ำหนักคุณแม่ อาจจะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน
ตกขาว
อาการที่เพิ่มมาอย่างน่าสงสัย ในเมื่อตั้งครรภ์อยู่ทำไมมีตกขาวได้ หากคุณแม่มีตกขาวที่เหนียวข้นมากขึ้นเหมือนช่วงก่อนมีรอบเดือนไม่ต้องกังวล เพราะเป็นเรื่องปกติของคนท้อง ไม่ใช่การติดเชื้อ หรือการอักเสบ หากตกขาวมีสีเปลี่ยน มีอาการคัน หรือมีกลิ่นแสดงว่ามีการติดเชื้อให้พบแพทย์
เลือกกินอาหารที่เหมาะสมกับคุณแม่อายุครรภ์ 4 เดือน
คุณแม่ได้ก้าวผ่านอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน จากกลิ่นอาหารแล้วคงกำลังวางแผนจะกินมื้ออาหารมานานมาก แต่คุณแม่อย่าเพิ่งลืมว่าตอนนี้ครรภ์ 4 เดือน ควรจะกินอาหารอะไรดี หรือมีสิ่งใดที่ยังไม่ควรที่จะกิน
อาหารบำรุงที่คุณแม่อายุครรภ์ 4 เดือน ควรกิน
อาหารที่มีไฟเบอร์สูง
เช่น ธัญพืช ข้าวโอ๊ต ผลไม้ และผักใบเขียว ปัญหาท้องผูกยังแก้ไม่หาย จึงควรกินให้ร่างกายขับถ่าย และยังมีวิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ
กรดไขมันที่จำเป็น
เช่น โอเมก้า 3 หรือกรดไขมันที่ได้จากการทานปลาน้ำจืด ปลาทูน่า ถั่ว และ น้ำมันมะกอก
นม
นมทุกชนิด ทั้งนมเปรี้ยว นมสด นมถั่วเหลือง เพราะมีแคลเซียมสูงทำให้ลูกผลิตฟันและกระดูกที่แข็งแรง
เนื้อสัตว์
คุณแม่ควรทานเนื้อสัตว์ให้ได้วันละ 1 มื้อ และเป็นเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อต่างๆ
ธาตุเหล็ก
การผลิตเลือดที่จำเป็นสำหรับคุณแม่และลูกในครรภ์ ฉะนั้นตอนนี้ลองเพิ่มเมนูอาหาร เช่น ตับ ที่มีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบได้
อาหารที่คุณแม่อายุครรภ์ 4 เดือน ไม่ควรควรกิน
แป้ง
กินได้ แต่ไม่ควรกินปริมาณเยอะเกินไป
อาหารตามร้านอาหารทั่วไป
อาหารอาจดูน่ากิน แต่จะสด สะอาดหรือไม่ ทางที่ดีทำอาหารเองจะดีกว่า
ผลไม้ดอง หรือผลไม้ที่มียาง
ถึงจะดูน่ากินแต่ก็ส่งผลเสียกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เช่น ทำให้เป็นตะคริว
พืชสมุนไพรบางชนิด
เช่น ชะเอม ชะเอมมีผลทำให้มดลูกหดตัว กินมากๆ อาจทำให้คุณแม่คลอดก่อนกำหนด
แอลกอฮอล์ และบุหรี่
สิ่งตั้งห้ามตลอดกาลของคุณแม่ ระบบสมองของลูกอาจถูกทำลายได้ จนพิการตั้งแต่กำเนิด
อายุครรภ์เพิ่มขึ้น อาการนี้หายไปอาการใหม่เข้ามาแทนที่ คุณแม่ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือ ยิ่งร่างกายลูกเริ่มสมบูรณ์ ก็ยิ่งทำให้คุณแม่แบกรับมากขึ้น คุณพ่อเองก็มีส่วนช่วยเหลือในบางเรื่องได้ หรือหมั่นพูดคุยกับลูกในครรภ์ได้เช่นกันค่ะ