คุณแม่ครรภ์ 6 เดือน มีสิ่งใดต้องดูแล

พัฒนาการตั้งครรภ์

เดือนที่ 6 ของคุณแม่ทุกคนได้เริ่มขึ้น ช่วงนี้คุณแม่ทุกคนไม่มีอาการแพ้ท้องใดๆ แล้ว แต่คุณแม่จะทราบหรือไม่ ว่านอกจากอาการแพ้ต่างๆ นั้นได้หายไป แต่ยังมีอาการอื่นๆ อีกที่แทรกเข้ามา และคุณแม่ควรจะดูแลสิ่งใด เมื่อลูกในครรภ์อายุ 6 เดือน จะช่วยเสริมสร้างทั้งพัฒนาการ และร่างกายให้ลูกในครรภ์ได้บ้าง

ทารกในครรภ์ โตอย่างรวดเร็ว ผิวจะแดงและเริ่มมีเส้นผม เล็บ งอกออกมา ระบบประสาทและสมองเริ่มทำงาน จะมีอาการเคลื่อนไหวมากขึ้น จนคุณแม่รู้สึกได้ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งของการสร้างพัฒนาการที่ดีของลูกตั้งแต่ในครรภ์ ทั้งนี้นอกจากจะดูแลตัวลูกในครรภ์แล้ว คุณแม่ยังต้องดูแลตัวเองจากอาการช่วงครรภ์ 6 เดือนด้วยเช่นกัน

อาการที่พบในคุณแม่ตั้งครรภ์ 6 เดือน

ท้องใหญ่ขึ้น

เพราะลูกในครรภ์ตัวโตขึ้น ขนาดท้องก็ใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ผิวบริเวณท้องของคุณแม่แตกลาย หรือแห้ง ให้คุณแม่หาครีมบำรุงมาทาเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และไม่ควรเกาเพราะจะทำให้เป็นรอยแดงหรืออักเสบ

ตะคริว

อาการที่มาก่อนหน้าหลายเดือนแล้ว แต่จะยังคงมีต่อไป คุณแม่ควรแช่ขาในน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายเส้น และนวดขาและเท้า ออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินช้า หรือการนั่งหมุนข้อเท้า การยกขา การว่ายน้ำ และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่

ปวดหลัง ปวดชายโครง

อาการปวดหลังที่มาจากการแบกรับน้ำหนักของลูกที่โต และอาจมีอาการปวดชายโครงได้ในคุณแม่บางราย ที่ขนาดของใหญ่ขึ้นและใกล้ชายโครง เมื่อลูกดิ้นก็จะกระทบได้

เสียดท้อง

เกิดจากมดลูกขยายตัว แล้วคุณแม่ขยับร่างกายเร็ว ทำให้มดลูกเกิดการหดตัว จึงมีอาการเสียดท้อง คุณแม่ควรจะขยับตัวลุกนั่งช้าลง นั่งหรือนอนในท่าที่สบายและสามารถลุกได้โดยไม่ใช้แรงมาก และคอยใช้มือประคองท้อง

อาการแทรกซ้อน

ภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ ปากมดลูกเปิดก่อนกำหนด การอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะ ริดสีดวงทวาร เป็นต้น

คุณแม่บางคนสุขภาพดีจากการออกกำลังกายเบาๆ เสมอตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ จะส่งผลดีในด้านสุขภาพก่อนคลอดหลังคลอด หรือคุณแม่จะสรรหาอาหารที่มีประโยชน์ ทำอาหารเองอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ลูกในครรภ์ มีการพัฒนาการด้านจดจำมากขึ้น คุณแม่สามารถพูดคุย อ่านหนังสือ ให้ลูกในครรภ์ฟังจะทำให้ลูกจดจำเสียงของคุณแม่ได้ตั้งแต่ในครรภ์ และการฟังเพลง โดยเปิดเพลงที่เบาๆ เสียงดนตรีธรรมชาติ จะเป็นการสร้างความคุ้นชินกับเสียงอื่นๆ และจะทำให้ลูกหลังคลอดเลี้ยงง่าย หลับง่าย

การสร้างพัฒนาการและร่างกายของลูก เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรสร้างตั้งแต่ในครรภ์ อาหารที่ดีและมีประโยชน์ก็จะสร้างร่างกายของลูกให้สมบูรณ์ แล้วสารอาหารที่ให้ประโยชน์ลูกในครรภ์ 6 เดือน และเมนูอาหารที่ดี และมีประโยชน์ ทั้งกับตัวคุณแม่และลูกในครรภ์มีอะไรบ้าง

สารอาหารที่มีประโยชน์ที่คุณแม่ควรกินเพื่อลูก

  1. โปรตีน จากเนื้อสัตว์ ไม่มีหนัง ไม่มีมัน ไข่ เนื้อปลา เต้าหู้ ถั่ว
  2. คาร์โบไฮเดรต จากข้าว เช่น มันฝรั่ง ข้าวโพดหวาน ข้าวโอ๊ต ธัญพืช เส้นต่างๆ
  3. ผัก ผลไม้ จากผักใบเขียว เช่น คะน้า บรอกโคลี กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ เป็นต้น ผลไม้ที่ให้วิตามินและแร่ธาตุ เช่น กล้วย องุ่น ฝรั่ง กีวี่ แอปเปิ้ล ส้ม แตงโม
  4. น้ำ และนม น้ำดื่มสะอาด หรือน้ำผักผลไม้ ที่ควรดื่มให้เพียงพอต่อร่างกาย และนม นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต ที่ช่วยสร้างกระดูก

เมนูอาหารที่มีประโยชน์

  1. น้ำพริก เช่น น้ำพริกปลาทู และผักเคียงต่างๆ
  2. แซนด์วิชขนมปังโฮลวีต ไส้ ทูน่า ไก่อบ หมูอบ ไข่ต้ม และผักสด
  3. ยำ เช่น ยำสามสหาย ยำผัก ยำผลไม้ และใส่เนื้อสัตว์
  4. แกง เช่น แกงจืด แกงเลียง ต้มยำ แกงส้ม ใส่ผักต่างๆ และใส่เนื้อสัตว์
  5. ผัดผัก ใส่ผักต่างๆ และใส่เนื้อสัตว์
  6. ปลาชนิดต่างๆ นำมาประกอบอาหาร เช่น การนึ่ง ต้ม ผัด ทอด
  7. ไข่ เช่น ไข่ดาวสุก ไข่เจียวใส่ผัก ไข่ต้มใส่สลัดผัก
  8. ข้าวอบธัญพืช

ยังมีเมนูที่ดีและมีประโยชน์อีกมาก ที่คุณแม่อาจคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อลูกได้ แต่คุณแม่ก็ต้องคำนึงถึงคุณค่าทางสารอาหาร ความปลอดภัยและสะอาด อาหารที่ปรุงสุก ไม่กินอาหารดิบ เช่นปลาดิบ ไม่กินอาหารรสจัด ให้ปรุงอาหารรสอ่อนลง และนม ถึงจะมีคุณประโยชน์แต่หากดื่มมากเกินไป ลูกที่เกิดมาอาจจะแพ้นมวัวได้

เข้าสู่เดือน ที่ 6 คุณแม่ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นกับการรอคอยลูกที่จะเกิดมา คุณแม่นอกจากจะคอยดูแลลูกในครรภ์ให้มีพัฒนาการด้านความจำ และการดูแลเรื่องอาหารที่มีประโยชน์แล้ว อย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ฟังเพลงเบาๆ หาหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับแม่และเด็ก การทำจิตใจให้ผ่อนคลาย มีความสุข จะทำให้ลูกเลี้ยงง่าย และไม่ควรเครียด เพราะหากเครียดตลอดเวลา อาจทำให้ลูกที่เกิดมามีสมาธิสั้นได้ค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP