วิธีเปิดเพลงให้ลูกในท้องฟังอย่างถูกวิธี

พัฒนาการตั้งครรภ์
JESSIE MUM

การที่คุณแม่ตั้งครรภ์ฟังเพลงผ่านหน้าท้องจะสามารถกระตุ้นพัฒนาการด้านการได้ยินของทารกในครรภ์ได้ ว่าแต่วิธีการเปิดเพลงให้ลูกในท้องฟังอย่างถูกวิธีต้องทำอย่างไร

พัฒนาการด้านการได้ยินของทารกในครรภ์

ก่อนจะไปเปิดเพลงให้ลูกน้อยในท้องฟังนั้น เรามาดูกันก่อนดีกว่าค่ะว่าเขาจะมีพัฒนาการด้านการได้ยินในสัปดาห์ที่เท่าไหร่ เพื่อที่คุณแม่จะได้เริ่มต้นกันได้อย่างถูกต้องค่ะ

ทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 4-5

ตัวอ่อนในท้องเริ่มมีการเจริญเติบโตและพัฒนาไปเป็นใบหน้า สมอง จมูก หู และตา

ทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 9

ด้านข้างทั้งสองข้างของลำคอทารก จะมีรอยเว้า เพื่อที่จะพัฒนาไปเป็นหูทั้งด้านในและด้านนอก จากนั้นจะค่อย ๆ เลื่อนขึ้นข้างบน จนกลายเป็นขดหูเล็ก ๆ ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 หูของทารกยังพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง หูชั้นในจะเริ่มเชื่อมต่อกับเซลล์ประสาทในสมองที่ทำหน้าที่ประมวลผลเสียง และกระดูกเล็ก ๆ ของหูชั้นกลาง ที่ทำหน้าที่รับรู้แรงสั่นสะเทือนของคลื่นเสียง

ทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 18

ลูกน้อยสามารถได้ยินเสียงเป็นครั้งแรก

ทารกในครรภ์ สัปดาหที่ 24

หูเล็ก ๆ ของทารกมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทารกมีความไวต่อเสียงมากขึ้น เสียงแรกที่ทารกในครรภ์ได้ยิน คือ เสียงหัวใจของคุณแม่ เสียงพูด เสียงอากาศที่เข้าออกจากปอดของคุณแม่ เสียงท้องร้องโครกครากของคุณแม่ รวมไปถึงเสียงเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายของคุณแม่

ทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 25-26

ทารกในครรภ์สามารถตอบสนองต่อเสียงได้ โดยการหันศีรษะไปหาต้นเสียงที่ได้ยิน ลูกน้อยจะได้ยินเสียงจากภายนอกได้ไม่ชัด เนื่องจากถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำคร่ำและชั้นหน้าท้องของคุณแม่ เสียงจึงถูกลดลงครึ่งหนึ่งก่อนที่จะไปถึงตัวของลูกน้อย

ข้อมูลอ้างอิง theasianparent.com

วิธีเปิดเพลงให้ลูกในท้องฟังอย่างถูกวิธี

การเปิดเพลงผ่านหน้าท้องให้ทารกในครรภ์ฟัง แม้จะไม่ได้มีผลกับพัฒนาการทางสมองโดยตรง แต่จะมีผลตรงที่คุณแม่กับลูกจะมีการสื่อสารกันผ่านหน้าท้องของคุณแม่ เมื่อลูกน้อยได้ยินเสียง เขาก็จะมีการตอบโต้กับเสียงที่ได้ยินนั้นด้วยการดิ้น ซึ่งทำให้คุณแม่รับรู้ได้ว่าลูกน้อยนั้นแข็งแรงดี และมีพัฒนาการด้านการได้ยินที่ยังคงเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีวิธีการเปิดเพลงให้ลูกในท้องฟัง ดังนี้

เลือกเพลงที่ฟังแล้วมีความสุข

เพลงที่คุณแม่เลือกฟังควรเป็นเพลงที่คุณแม่ชื่นชอบ ช้า ๆ ฟังสบาย หรือเอาจริง ๆ ถ้าเพลงไหนที่คุณแม่ฟังแล้วมีความสุข จะเป็นเพลงเร็วก็ได้นะ ร็อคก็ได้ เน้นที่แม่มีความสุขเป็นหลัก เพราะเราเน้นให้ลูกในท้องได้ยินเสียง เพื่อไปกระตุ้นประสาททางด้านการได้ยิน และการเคลื่อนไหวในท้อง รวมถึงความรู้สึกผ่อนคลายเป็นหลัก

ใช้หูฟังแบบครอบศีรษะ

หรือจะเป็นหูฟังเพลงสำหรับทารกก็ได้ค่ะ และควรให้ที่ครอบหูนั้นอยู่ห่างจากผนังหน้าท้องของคุณแม่ประมาณ 1 ฟุต เพื่อให้เสียงนั้นผ่านผนังหน้าท้องของคุณแม่ไปสู่ลูกในท้อง ไม่ใช่ใช้หูฟังแบบทั่วไปแล้วใส่หูของคุณแม่นะคะ แบบนั้นลูกไม่ได้ยินค่ะ

ไม่ควรเปิดเสียงให้ดังเกินไป

ควรปรับระดับเสียงที่ฟังให้พอดี ไม่อย่างนั้นลูกในท้องอาจตกใจ และจะดิ้นแรงกว่าปกติ ระดับเสียงที่พอดีให้คุณแม่ปรับในระดับที่คุณแม่ฟังก่อน แล้วปรับระดับให้ดังขึ้นเล็กน้อย เรียกว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่คุยกันยังสามารถได้ยินกันอยู่นั่นเอง

ทารกได้ยินครั้งแรกเมื่ออายุครรภ์ได้ 18 สัปดาห์

เมื่ออายุครรภ์ได้ 18 สัปดาห์ลูกน้อยในครรภ์จะสามารถได้ยินเป็นครั้งแรก แต่ความจริงแล้วคุณแม่สามารถฟังเพลงได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าท้องนะคะ เพราะหากฟังเพลงแล้วมีความสุขหรือที่เรียกว่า ฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ก็จะหลั่งออกมา ทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายได้

ทารกตื่นตัวในช่วงบ่าย

เนื่องจากทารกในครรภ์จะตื่นตัวในช่วงบ่ายเป็นต้นไป คุณแม่ท้องจึงควรเริ่มฟังเพลงตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีต่อครั้ง วันละ 1 ครั้ง โดยในระหว่างที่ฟังเพลงนั้น คุณแม่สามารถฮัมเพลงตามไปได้ ค่ะ เพราะลูกน้อยชอบฟังเสียงของคุณแม่มากที่สุด

แม้การฟังเพลงจะไม่ได้มีผลต่อพัฒนาการทางสมองโดยตรง แต่ก็มีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพัฒนาการด้านการได้ยิน และเรื่องของความฉลาดทางอารมณ์ของลูกน้อย เพราะฉะนั้นเพลงไหนที่คุณแม่ฟังแล้วมีความสุขก็ฟังเถอะค่ะ เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกน้อย

ข้อมูลอ้างอิง thairath.co.th , huggies.co.th

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP