อยากให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้องจนวันคลอด ทำอย่างไร

พัฒนาการตั้งครรภ์

หากนับย้อนไปตั้งแต่สมัยโบราณ เวลาที่คุณแม่ตั้งครรภ์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทารกในท้องเป็นหญิงหรือชาย จะรู้ก็วันที่คลอดเลย ถัดมาอีกสมัยนึงด้วยวิวัฒนาการทางแพทย์เจริญขึ้น คุณพ่อคุณแม่สามารถรู้ได้ว่าลูกในครรภ์เป็นเพศอะไร แต่ส่วนจะมีสติปัญญาหรือแข็งแรงครบสมบูรณ์มั้ยก็ต้องรอคลอดแล้วมาดูแลกันทีหลัง

ณ ปัจจุบัน ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมากและยุคนี้คนส่วนใหญ่เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่ายขึ้น ดังนั้น เรื่องเพศสามารถดูได้ถึงขนาด 4 มิติแล้ว แต่ค่าทำอัลตร้าซาวน์ก็ยังแพงอยู่ ที่สำคัญยังมีไม่กี่โรงพยาบาลที่ทำได้ (แถมต้องนัดล่วงหน้าจ้า) และอีกส่วนที่สำคัญ คือ “การบำรุงลูกน้อยให้ฉลาดและอารมณ์ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์” คุณพ่อคุณแม่จึงทำอย่างทุกทางที่จะให้ลูกได้เติบโตและมีไหวพริบดี ความฉลาด และอารมณ์ดี

ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์ แพทย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลศิริราช เปิดเผยว่า การกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่กล่าวอ้างกันนั้นยังไม่มีผลสรุปที่แน่ชัดว่ามีประโยชน์จริงหรือไม่ เพียงแต่มีข้อสังเกตว่าทารกที่เกิดจากการได้รับการกระตุ้นสมองดังกล่าวจะมีสติปัญญาดี ฉลาด เลี้ยงง่าย และอารมณ์ดี

ควรเริ่มการกระตุ้นพัฒนาการทางสมองเมื่อไหร่ดี

นับตั้งแต่เกิดการปฏิสนธิจนเกิดเป็นหน่วยเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “เซลล์” จากเซลล์เพียงเซลล์เดียวจะมีการแบ่งตัวและพัฒนาเติบโตไปไปเป็นอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเซลล์สมองก็เช่นเดียวกันเซลล์อวัยวะ คือ เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่เริ่มการตั้งครรภ์และจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจำนวนและขนาด เกิดเป็นเนื้อสมองและเส้นใยประสาทที่เชื่อมโยงกับสมอง รวมถึงมีการเชื่อมโยงกันเองจนเป็นข่ายใยเส้นประสาท กระบวนการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ลูกน้อยมีอายุได้ 8 สัปดาห์ จนกระทั่งหลังคลอดลูกมีอายุได้ 2 ปี เพราะฉะนั้น ช่วงเวลานี้แหละค่ะที่คุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยได้เลย

ลูกน้อยมีอายุประมาณ 8 สัปดาห์ เรื่อยไปจนถึงคลอดออกมาแล้วมีอายุ 2 ขวบ หลังจากนั้นพัฒนาการของสมองก็จะลดลง ดังนั้นช่วงทองที่ควรจะกระตุ้นพัฒนาลูกน้อยจึงควรเป็นช่วงเวลาดังกล่าว
ข้อมูลอ้างอิง โรงพยาบาลศิริราช

อยากให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้องทำอย่างไรดี

ทานโฟลิก

เมื่อคุณแม่ทำการฝากครรภ์กับคุณหมอแล้ว คุณหมอจะให้ทานกรดโฟลิก (Folic Acid) เพิ่ม ทานไปจนครบ 12 สัปดาห์ ประโยชน์ของโฟลิกที่มีต่อทารก คือ จะช่วยสร้างเซลล์สมองรวมไปถึงการพัฒนาเซลล์สมอง ช่วยป้องกันความผิดพลาดของระบบประสาท ป้องกันภาวะเนื้อสมองไม่มี ป้องกันภาวะไขสันหลังไม่ปิด

เลือกทานอาหารให้เหมาะสม

เพราะองค์ประกอบสมองของลูกน้อยเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากถึงร้อยละ 60 ซึ่งกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการทางสมองลูกน้อยในครรภ์ กรดไขมันที่มีชื่อว่า ดีเอชเอ (DHA) มีมากในอาหารจำพวกปลาทะเลแลสาหร่ายทะเล และ เออาร์เอ (ARA) มีมากในน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเมล็ดทานตะวัน และน้ำมันข้าวโพด หากคุณแม่ได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างเพียงพอ จะส่งให้เซลล์สมองและระบบเส้นใยประสาทของลูกน้อยก็จะดีตามไปด้วย

ออกกำลังกาย

คุณแม่ควรเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพราะเวลาที่คุณแม่เคลื่อนไหว ผิวกายของลูกน้อยก็จะไปกระทบผนังด้านในของมดลูก ซึ่งจะส่งผลให้ระบบประสาทลูกถูกกระตุ้นและพัฒนาได้ดีค่ะ

แม่โน้ต

คุณแม่ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำควรเล่นแบบเบา ๆ นะคะ เช่น โยคะแบบยืดเส้นยืดสาย หรือถ้าต้องการออกกำลังกายที่หนักกว่านี้ แนะนำปรึกษาคุณหมอก่อนนะคะ

อารมณ์แจ่มใสอยู่เสมอ

จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า เมื่อเวลาคุณแม่มีความสุขร่างกายจะหลั่งสารที่มีชื่อว่า เอนดอร์ฟิน (Endorphin) ออกมาผ่านทางสายสะดือส่งไปยังลูก ทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการดีทั้งสมอง (IQ) และอารมณ์ (EQ)
กลับกัน หากคุณแม่มีอาการเครียดหรือวิตกตลอดเวลา ร่างกายจะหลั่งสารที่มีชื่อว่า อะดรีนานาลิน (Adrenalin) ออกมาและส่งต่อให้ลูกทางสายสะดือ ดังนั้นเวลาลูกคลอดออกมาก็จะเป็นเด็กงอแง เลี้ยงยาก พัฒนาการช้า
คุณแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้านด้วยอาจมีเรื่องต้องครุ่นคิดมากมาย แต่อย่าลืมว่าเรามีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแล ดังนั้น เลิกงานก่อนกลับบ้าน ปล่อยวางเรื่องงานไว้ที่โต๊ะทำงาน กลับบ้านพักผ่อนแล้ววันรุ่งขึ้นค่อยว่ากันใหม่นะคะ

ฟังเพลง

คุณแม่เลือกฟังเพลงสบายๆ หรือเพลงที่คุณแม่ชอบได้เลยค่ะ เอาที่สบายใจ เพราะวัตถุประสงค์ของการฟังเพลงคือ ต้องการให้คุณแม่มีความสุข ซึ่งระบบประสาทการรับฟังเสียงของลูกในครรภ์จะเริ่มทำงานเมื่ออายุครรภ์ได้ประมาณ 5 เดือน และการฟังเพลงก็เพื่อเป็นการกระตุ้นการได้ยินของลูกน้อยนั่นเอง

คุยกับลูกในท้อง

การพูดคุยกับลูกในครรภ์บ่อย ๆ จะเป็นการกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนการรับรู้ของลูกสำหรับการได้ยินหลังคลอด พูดด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลนะคะ ในประโยคซ้ำ ๆ เพื่อให้ลูกน้อยคุ้นเคย

ลูบหน้าท้อง

การลูบหน้าท้องควรลูบเป็นวงกลม ไม่ถูขึ้นลงๆ นะคะ ไม่ใช่แบบเพิ่งกินอิ่มอะไรอย่างนั้น เพราะการลูบหน้าท้องเป็นวงกลมจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนรับรู้ความรู้สึก

ส่องไฟที่หน้าท้อง

ข้อนี้เป็นการกระตุ้นเซลล์สมองและระบบประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยลูกน้อยสามารถกระพริบตาเพื่อตอบสนองแสงไฟได้เมื่ออายุครรภ์ได้ 7 เดือนค่ะ ถ้า 4 เดือน อย่าเพิ่งส่องนะคะไม่มีผล ^^

การกระตุ้นลูกน้อยในบางอย่างก็ควรดูเวลาอายุครรภ์ที่เหมาะสม ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากรู้วิธีเล่นกับลูกเพื่อพัฒนาการที่ของลูกแบบเจาะลึก สามารถติดตามได้จากบทความนี้เลยค่ะ


อยากรู้ไหมเล่นกับลูกอย่างไรถึงจะสร้างพัฒนาการลูกที่ดีได้แม้ลูกยังอยู่ในท้อง? มีหลายวิธีค่ะ ไปติดตามกันเลย คลิกที่นี่

อย่างเรื่องการส่องไฟที่หน้าท้อง คุณพ่อสามารถมาเล่นส่องไฟกระตุ้นลูกน้อยได้นะคะ ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์กันในครอบครัว เมื่อคุณแม่มีความสุข ลูกก็จะมีความสุขไปด้วยค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP