คนท้องอารมณ์แปรปรวน ปัญหาสุขภาพจิตกับวิธีรับมือ

คนท้องอารมณ์แปรปรวนจะพบเจอบ่อย ๆ นั่นก็คือภาวะอารมณ์แปรปรวนที่พบได้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะคุณแม่ครรภ์แรก จนทำให้เกิดอาการเครียดและวิตกกังวล ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบกับสมอง จนเกิดเป็นอาการทางจิตได้ นอกจากนี้ยังผลส่งต่อทารกในครรภ์โดยไม่รู้ตัว เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนท้อง เราได้มีวิธีในการจัดการและรับมือกับอาการเหล่านี้เบื้องต้น เพราะถือว่าเป็นภาวะที่ไม่ควรมองข้าม และส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายทั้งแม่และเด็กในอนาคต

คนท้องอารมณ์แปรปรวนเกิดจากอะไร

เพราะในช่วงที่คุณแม่เกิดการตั้งครรภ์ จะทำให้ฮอร์โมนภายในร่างกายมีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง ซึ่งสามารถส่งผลต่ออารมณ์ที่หลากหลายของคุณแม่ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บุคคลทั่วไป มองว่าคนท้องมักจะมีอารมณ์ที่ไม่คงที่ แปรปรวนง่าย และมีอารมณ์ที่ขี้หงุดหงิดมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ภาวะเหล่านี้ย่อมส่งผลเสียต่อคุณแม่และเด็กในครรภ์ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น ทำให้ในปัจจุบันมีวิธีการสังเกตและการรับมือกับอาการเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของตัวคุณแม่

สัญญาณความผิดปกติที่ส่งผลต่อแม่ตั้งครรภ์

วิธีการสังเกตอารมณ์แปรปรวนคนท้อง ที่สามารถสังเกตได้ง่าย เพราะนั่นถือว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติ ที่คุณแม่ต้องได้รับการรักษา โดยจะมีอาการดังต่อไปนี้

อารมณ์สองขั้ว

เป็นอาการที่คุณแม่จะมีอารมณ์ไม่คงที่ โดยมักจะพบว่าเมื่ออารมณ์ดี ก็จะดีอย่างมาก และเมื่อมีอารมณ์ซึมเศร้า ก็จะเศร้าอย่างหนัก หรือเรียกอีกอย่างว่า “อาการไบโพลาร์”

ภาวะวิตกกังวล

เป็นอาการที่คุณแม่จะรู้สึกวิตกกังวล หรือมีความกลัวผิดปกติซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยอาการเหล่านี้ มักจะส่งผลต่อการนอนหลับ ไม่มีสมาธิ รวมถึงไม่สามารถควบคุมภาวะเหล่านี้ได้ จนทำให้เกิดอาการหงุดหงิด

อาการแพนิค

เกิดขึ้นได้เมื่อคุณแม่มีภาวะวิตกกังวลจนมากเกินไป ทำให้เกิดอาการแพนิค โดยมักจะแสดงออกทางร่างกาย เช่น ตัวสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หายใตลำบาก เป็นต้น

ภาวะซึมเศร้า

เป็นอาการที่มักเกิดกับคนท้องหลากหลายรูปแบบ เช่น รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ไม่สนใจสิ่งรอบข้างอยากอยู่เฉย ๆ นอนไม่หลับ หรือหากหลับก็ไม่มีความสุขและอาจทำให้เกิดความคิดฆ่าตัวตาย โดยภาวะนี้ มักเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่ไม่ได้รู้สึกยินดีกับการตั้งครรภ์ในครั้งนี้ของตนเอง

วิธีรับมือสำหรับคนท้องอารมณ์แปรปรวน

สิ่งที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝัน นั่นก็คือการมีครอบครัวที่อบอุ่น ดังนั้น การตั้งครรภ์มีลูกน้อยก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในชีวิตครอบครัว ซึ่งก่อนการตั้งครรภ์จำเป็นจะต้องมีวิธีในการรับมือกับปัญหาสุขภาพ ปัญหาทางจิต ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ โดยแนวทางเหล่านี้ คุณแม่สามารถนำไปปรับใช้กับตนเอง เพื่อรับมือกับอารมณ์แปรปรวนได้

ฟังเพลงให้ผ่อนคลาย

ลองหาเพลงที่มีจังหวะสบายๆฟัง จะช่วยลดความเครียดและคลายตัวของสมองได้อย่างดี ซึ่งมีผลวิจัยสำหรับการฟังเพลงที่มีดนตรีแนวคลาสสิค จะช่วยกระตุ้นสมองของเด็กให้มีพัฒนาการของระบบการเรียนรู้ที่ดีมากยิ่งขึ้น การฟังเพลง นอกจากจะช่วยผ่อนคลายสมองให้กับคุณแม่แล้ว ยังส่งผลต่อลูกน้อยให้ครรภ์ ให้สามารถแยกแยะระดับเสียงสูงต่ำ ท่วงทำนองและจังหวะของเนื้อหาเพลงได้ ถือว่าเป็นวิธีที่ให้ประโยชน์ทั้งคุณแม่และเด็กไปพร้อมกันๆ

อ่านหนังสือ

การอ่านหนังสือ จะช่วยทำให้จิตใจของคุณแม่สงบมากยิ่งขึ้น เพราะในขณะที่อ่านหนังสือ สมองจะช่วยเบนความสนใจจากความเครียดให้หันมาสนใจสิ่งตรงหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกหนังสือที่มีเนื้อหาที่คุณแม่ชอบ จะช่วยกระตุ้นการอ่านได้อย่างดี และไม่ควรมีเนื้อหาที่หนักจนเกินไป

ดูหนังคลายเครียด

ลองหาหนัง ละคร หรือการ์ตูน ที่มีเนื้อหาตลกขบขัน จะช่วยทำให้เบาสมองมากยิ่งขึ้น ลืมความเครียดหรือภาวะวิตกกังวลไปได้ เนื่องจากหากคุณแม่มีอาการหัวเราะจากการดูหนัง ร่างกายจะผ่อนคลายและมีการหลั่งเอ็นโดรฟินส์ หรือสารแห่งความสุข ซึ่งสารเหล่านี้สามารถส่งผลต่อลูกน้อยภายในครรภ์ ทำให้เด็กรับรู้ถึงความรู้สึกดีของคุณแม่ได้ นอกจากนี้ สารเอ็นโดรฟินส์ ยังมีส่วนช่วยลดความวิตกกังวล ทำให้นอนหลับง่ายมากยิ่งขึ้น ช่วยปรับสมดุลการทำงานของร่างกาย

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ นอกจะส่งผลทำให้สุขภาพดีแล้ว ยังส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย โดยการออกกำลังกายสำหรับคนท้อง แนะนำให้ทำการเดินช้าวันละ 30 นาที ถือว่าเป็นวิธีที่จะช่วยทำให้คุณแม่มีสมาธิมากยิ่งขึ้น เพราะในการเดินออกกำลังกาย จะช่วยทำให้คุณแม่โฟกัสกับสิ่งที่กำลังทำมากและลืมความเครียดไปชั่วขณะ

เล่นเกมพัซเซิลฝึกสมาธิ

ลองหากิจกรรมอย่างเกมพัซเซิล หรือเกมปริศนาเล่นเพื่อคลายความเครียด อย่างเช่น เกมต่อจิ๊กซอว์ นอกจากจะให้ความเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วยจัดการกับสมาธิของคุณแม่ได้อีกด้วย บริหารสมอง สุขภาพจิต ไม่ให้เกิดความเครียด และกระตุ้นการเรียนรู้ได้มากยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่าอารมณ์แปรปรวนที่เกิดได้กับคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น มีหลากหลายอารมณ์เลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าหากเรามีวิธีการรับมือ ก็สามารถที่จะก้าวข้ามภาวะเหล่านี้ได้ในช่วงตั้งครรภ์ เพราะหากเรารู้เท่าทันอาการเหล่านี้ ก็จะสามารถแก้ไขได้ทัน และไม่เกิดเป็นภาวะขั้นรุนแรงในที่สุด อย่างไรก็ตาม กำลังใจที่ดีที่สุดของคุณแม่ก็คือครอบครัวและคุณพ่อ หากพบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะเหล่านี้ ควรให้ความเข้าใจ ไม่พูดจาทำร้ายจิตใจ ซึ่งส่งผลทำให้คุณแม่มีภาวะซึมเศร้าได้