รวมโรคเด่นที่เด็กมักเป็นในฤดูฝน

โรค
JESSIE MUM

ช่วงนี้บ้านเราก็เข้าฤดูฝนแบบเต็มตัว ตกทั้งวัน ตกทุกวัน เวลาที่ฝนตกนับเป็นช่วงเวลาการเฉลิมฉลองของเหล่าเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียทั้งหลาย ซึ่งทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะในเด็กซึ่งภูมิคุ้มกันของเค้ายังไม่แข็งแรงและยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ โรคที่เด็กเป็นกันส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ

เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้คอยสังเกตลูกว่ามีอาการผิดปกติอย่างไร เข้าข่ายว่าเป็นโรคอะไรนั้น วันนี้โน้ตรวบรวมโรคของเด็กที่มักพบในฤดูฝนมากฝากค่ะ มีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ

โรคเด่น โรคเด็กที่พบมากในฤดูฝน

โรคไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่ หรือ Infuenzaมักเป็นโรคที่พบบ่อยในลำดับต้นเลยก็ว่าได้ เพราะไทยเป็นประเทศในเขตร้อนชื้น ซึ่งไข้หวัดใหญ่จะต่างจากไข้หวัดธรรมดาตรงที่เด็กจะมีไข้ ปวดหัว ปวดตามตัว ปวดกล้ามเนื้อ ไอ หรือเจ็บคอ ซึ่งเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบและผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น

การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ควรฉีดประมาณ 1-2 เดือน ก่อนฤดูกาลระบาดของโรคในแต่ละปี ทุกๆ ปี โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป

โรคมือเท้าปาก

โรคมือเท้าปากเกิดจากเชื้อไวรัส(Enterovirus 71, Coxsackie) จริงๆ แล้วเป็นโรคที่สามารถพบได้บ้างประปรายตลอดทั้งปี เพียงแต่จะระบาดมากก็ในฤดูฝน โดยอาการที่พบคือ เด็กจะมีไข้ ผื่น ตุ่มใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า มีแผลในปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้น และเหงือก บางรายผื่นอาจเริ่มขึ้นที่ก้นและเข่าร่วมด้วย พบมากในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือน – 3 ขวบ ติดต่อกันได้ทางละอองน้ำลายไอ จาม หรืออุจจาระ โดยมีระยะฟักตัวอยู่ที่ 3-6 วัน

โรคนี้สามารถหายเองได้ภายใน 3-10 วัน แต่สาระสำคัญจะอยู่ที่เด็กบางคนเป็นมากจนทำให้กินอะไรไม่ได้ กลืนน้ำไม่ได้ ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และควรระวังไม่ให้มีไข้สูงเกินไป เพราะอาจชักได้ บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เช่น สมองอักเสบหรือเยื้อหุ้มสมองอักเสบ

ดังนั้น หากพบว่าลูกเริ่มมีอาการที่น่าสงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ ควรรีบปรึกษาคุณหมอทันที

โรคไข้เลือดออก

โรคนี้มียุงลายเป็นพาหะ มีโอกาสเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยจะมีไข้สูงมากหลังจากได้รับเชื้อแล้ว 3 วันกินยาลดไข้ก็ไม่หาย ปวดหัว ปวดกระบอกตา หรือปวดเมื่อยตามตัว ตาแดง หน้าแดง และปากแดง

หากเด็กได้รับเชื้อนี้เข้าไปอาจเริ่มอาการปวดที่ชายโครงด้านขวาซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ (ตับโต) มีอาเจียน มีภาวะขาดน้ำ หากพบกลุ่มอาการเหล่านี้ ให้ปรึกษาคุณหมอทันที ซึ่งคุณหมอจะทำการตรวจดูว่าเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ ก็โดยการนำยางมารัดแขนที่ความดันระดับหนึ่ง เพื่อดูจุดที่มีเลือดออกว่าใช่หรือไม่ เป็นต้น

โรคอีสุกอีใส

ชื่อนี้คงคุ้นหูคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างดี โรคนี้เกิดขึ้นได้บ่อย เมื่อติดแล้วก็มักจะเป็นกันทอดๆ ลักษณะอาการคือ มีไข้ ผื่นแดง มีตุ่มน้ำใสๆ ตามตัว เริ่มจากบริเวณท้อง แล้วลามไปที่ต้นแขน ขา และใบหน้า หลังจากนั้นจะเป็นสะเก็ด และเกิดแผลเป็นได้ อาการเหล่านี้จะหายได้เองใน 2 – 3 สัปดาห์

โรคนี้มีวัคซีนป้องกันซึ่งเป็นวัคซีนเสริม (คุณพ่อคุณแม่เลือกให้ฉีดหรือไม่ฉีดก็ได้ค่ะ) สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่ 1 ขวบเป็นต้นไป และไปกระตุ้นอีกครั้งตอนเด็กอายุได้ 4 ขวบ

โรคท้องเสียหรือโรคอุจจาระร่วงทีเกิดจากไวรัสโรต้า

โรคท้องร่วงนี้เกิดจากเชื้อไวรัสโรต้า โดยเด็กๆ มักติดกันผ่านการสัมผัสกับของเล่น อาหาร หรือของใช้ใกล้ตัวเด็กที่ไม่สะอาด เพราะเด็กมักจับสิ่งของและเอามือเข้าปากโดยไม่รู้ตัว พบกันมากให้เด็กที่มีอายต่ำกว่า 5 ขวบ

จากสถิติทั่วโลกรวมถึงไทย โรคนี้ทำให้เด็กทารกและเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ เสียชีวิตมาแล้วกว่า 6 แสนคน โดยประมาณ

วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิด คือ วัคซีนที่มีส่วนประกอบของเชื้อโรต้า1 สายพันธุ์ และ 5 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดหยอด ควรให้ลูกได้หยอดวัคซีนตัวนี้เมื่อลูกอายุได้ 2 เดือน เพราะเด็กจะเริ่มที่จะสัมผัสกับเชื้อโรครอบๆ ตัวแล้ว

โรคไอพีดีหรือปอดบวม

โรคไอพีดี หรือที่เรียกว่า Invasive Pneumococcal Disease (IPD) คือโรคติดเชื้อชนิดรุนแรงที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ “นิวโมคอคคัส” ซึ่งทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดและที่เยื่อหุ้มสมอง อาจทำให้เด็กพิการหรือเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะหากเป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ

หากติดเชื้อที่ระบบประสาท เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เด็กจะมีไข้สูง ปวดหัวอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง หากเป็นในเด็กเล็ก เค้าจะงอแง

เด็กๆ สามารถไปรับวัคซีนป้องกันโรคนี้ได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไป และฉีดเข็มต่อไป เมื่ออายุได้ 4, 6 และ 12 – 15 เดือน

ทั้งนี้ หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นลูกมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ ซึม ทานข้าวได้น้อย หรือ อ่อนเพลีย ควรพาลูกไปพบคุณหมอทันทีนะคะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP