แผลผ่าคลอด แผลคลอดธรรมชาติควรดูแลอย่างไร

การคลอดและหลังคลอด

คุณแม่บางคน ทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์ก็เริ่มคิดแล้วว่าจะคลอดแบบไหนดี บางคนเลือกคลอดธรรมชาติ ในขณะที่คุณแม่บางคนเลือกที่จะผ่าคลอด ซึ่งการผ่าคลอดก็จะมีแผลผ่าคลอดที่คุณแม่ต้องใส่ใจดูแลกันมากเป็นพิเศษ ส่วนแผลที่คลอดแบบธรรมชาติก็จะดูแลได้ง่ายกว่า และคุณแม่ก็จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า

การคลอดธรรมชาติ

คือ การที่คุณแม่คลอดลูกเองโดยไม่ได้ใช้การผ่าตัด ซึ่งอาจมีการใช้ยาช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด หรืออาจต้องใช้เครื่องมือแพทย์ในการใช้ความช่วยเหลือคุณแม่ขณะทำการคลอด อาทิ การติดเครื่องอัลตร้าซาวน์เพื่อดูทารกในครรภ์ รวมถึงการเย็บแผลตัดขยายปากช่องคลอด
ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการคลอดก่อน ซึ่งคุณแม่ที่มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ลูกน้อยในครรภ์ก็แข็งแรงสมบูรณ์ ก็สามารถเลือกคลอดธรรมชาติได้ แต่หากคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์อยู่ในความเสี่ยงสูง แพทย์ก็อาจจะพิจารณาใช้วิธีการผ่าคลอดแทน

แผลคลอดธรรมชาติ

หลังคุณแม่คลอดแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง พยาบาลจะเข้ามาตรวจวัดความดันโลหิต ดูอัตราการเต้นของหัวใจ สังเกตปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอด รวมถึงการแข็งตัวของมดลูก คุณแม่ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วงนี้หากต้องการเปลี่ยนอิริยาบถ ให้ค่อยๆ ทำช้า ๆ และควรมีคนช่วยดูแลนะคะ เพราะหากลุกเร็วอาจทำให้หน้ามืดและเป็นลมได้ค่ะ
ทั้งนี้ ถึงแม้คุณแม่จะคลอดแบบปกติ แต่ก็จะมีรายละเอียดที่คุณแม่ควรรู้ไว้นะคะ

น้ำคาวปลา

ลักษณะจะคล้ายเลือดประจำเดือนมีสีแดง ไหลออกจากช่องคลอดในระยะหลังคลอด เกิดจากผนังมดลูกลอดตัวออก โดยจะค่อยๆ จางลงเรื่อย ๆ ใน 3 วันแรก จากสีแดงจะจางลงเป็นสีชมพูเรื่อๆ ใน 14 วัน หลังคลอด และจะหมดไปหลังคลอด 6 สัปดาห์ แต่สำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอดน้ำคาวปลาจะหมดเร็วเพราะคุณหมอและพยาบาลจะมาช่วยเช็ดให้

แผลฝีเย็บ

ในระหว่างการคลอด คุณหมอจะทำการตัดฝีเย็บ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อรอบปกช่องคลอดขยายหรือยืดมากเกินไป ซึ่งคุณหมอจะให้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดอาการปวดบวมบริเวณแผลในวันแรกๆ หลังคลอด

การดูแลแผลฝีเย็บอย่างดีและถูกต้องจะเป็นการช่วยป้องกันการอักเสบติดเชื้อได้ ซึ่งควรทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และซับให้แห้ง แต่หากมีน้ำคาวปลาไหลออกมามาก แนะนำว่าควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ป้องกันการอับชื้น มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายค่ะ

หน้าท้องมีเส้นสีคล้ำและหน้าท้องใหญ่

ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์เราจะสังเกตเห็นเส้นสีคล้ำๆ ได้ชัดตรงกลางท้อง นั่นเป็นผลจากฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขณะตั้งครรภ์ แม่เมื่อคลอดแล้ว ผิวหนังชุดใหม่จะขึ้นมาแทนที่ทำให้สีคล้ำนี้จางลง ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน
ส่วนหน้าท้องใหญ่…หากคุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ น้ำหนักจะลงเร็วมากค่ะ ของโน้ตเองน้ำหนักน้อยกว่าตอนก่อนท้องซะอีก^^

ช่องคลอด

เนื่องจากการคลอดทำให้หูรูดปากช่องคลอดขยายมาก ดังนั้น คุณแม่ควรฝึกขมิบก้น เพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้อช่องคลอดและจะช่วยให้หายได้เร็วขึ้นค่ะ

ความเสี่ยงในการคลอดธรรมชาติ

  • ความเสี่ยงของการคลอดธรรมชาติ มักจะเกิดจากภาวะฉุกเฉินไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า อาทิ คุณแม่มีภาวะตกเลือด หรือปากมดลูกไม่เปิด ทำให้การคลอดธรรมชาติเป็นไปได้อย่างยากลำบาก
  • กรณีที่ต้องใช้เครื่องมือแพทย์ช่วย เนื่องจากคลอดยากมาก ๆ เช่น ต้องใช้คีมหรือเครื่องสุญญากาศ ซึ่งอาจทำให้ทารกได้รับบาดเจ็บได้ แต่ก็พบได้น้อยมาก

ผ่าคลอด

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ในการในการคลอด โดยแพทย์จะทำการเปิดปากแผลบริเวณหน้าท้องและมดลูก ซึ่งแพทย์จะมีการวางแผนผ่าคลอดเอาไว้ล่วงหน้า แต่ก็มีบ้างในบางกรณีค่ะที่แพทย์ต้องการผ่าคลอดแบบฉุกเฉิน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่คาดไม่ถึงและอาจเกิดขึ้นได้

แผลผ่าคลอด

หลังการคลอดพยาบาลจะทำการวัดและตรวจทุกอย่างเหมือนการคลอดปกติค่ะ แต่คุณแม่ควรดูแลตัวเองดังนี้

  • ควรเริ่มขยับตัวเบาๆ พลิกตัวไปมาบ้าง เพื่อให้ลำไส้เริ่มทำงานได้อย่างเป็นปกติโดยเร็ว
  • คุณหมอจะอนุญาตให้ “จิบ” น้ำได้แล้ว หลังผ่านการคลอดแล้ว 24-48 ชั่วโมง โดยจะถอดสายน้ำเกลือและสายสวนปัสสาวะออก คุณแม่อย่าเพิ่งดื่มน้ำเยอะนะคะ ควรแค่จิบทีละนิด เพื่อป้องกันอาการท้องอืด ไม่อย่างนั้นจะปวดแผลเพิ่มขึ้นค่ะ
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บแผลมากขึ้น มีเลือดออกทางช่องคลอดมากผิดปกติ มีไข้ ควรแจ้งพยาบาลหรือคุณหมอให้ทราบทันที
  • เมื่อแผลใกล้หาย จะคัน อย่าเกาเด็ดขาด เพราะจะทำให้แผลนูนได้
  • การเลือกเสื้อผ้า ควรเลือกที่สวมใส่สบายไม่รัดบริเวณแผล

ความเสี่ยงในการผ่าคลอด

  • ความเสี่ยงในการผ่าคลอดมักจะเป็นในเรื่องของภาวะแทรกซ้อน เช่น คุณแม่เสียเลือดมากขณะคลอด หรือมีภาวะความดันต่ำ อันเนื่องมาจากการบล็อกหลัง
  • อาจมีโอกาสเกิดการอักเสบที่แผลผ่าได้
  • มีแนวโน้มที่จะเกิดพังผืดในช่องท้องซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการหายของแผลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งพังผืดที่ว่านี้จะไม่เป็นผลดีต่อการผ่าตัดครั้งต่อไป

ข้อควรระวัง

คุณแม่หลังคลอด ควรรักษาความสะอาดอย่าให้เกิดการอับชื้นบริเวณช่องคลอดนะคะ เพราะอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ ที่สำคัญ ควรปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัดนะคะ ถ้าหากมีอาการอะไรที่ผิดปกติ อาทิ ปวดหัว เวียนหัว ตาพร่ามัว มีไข้ เต้านมหรือฝีเย็บอักเสบ น้ำคาวปลามีกลิ่นแรงผิดปกติ หรือมานานเกินไป ปัสสาวะแสบขัด ประจำเดือนมีกลิ่นและคัน แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอทันทีนะคะ

การคลอดลูกไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีไหน แต่การดูแลแผลที่คลอดนั้นสำคัญเสมอ โดยเฉพาะกับแผลที่เกิดจากการผ่าคลอด ซึ่งหลังคลอดคุณแม่ต้องดูแลตัวเองให้ดีเป็น 2 เท่า เนื่องจากต้องมีการให้นมลูกด้วย เรื่องอาหารการกินจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณแม่ควรรู้ และอาจมีข้อสงสัยว่า “แผลผ่าคลอดห้ามกินอะไร กินไข่ กินข้าวเหนียวได้ไหม” กินผักอะไรได้บ้าง ฯลฯ ซึ่งไม่ว่าจะกินอะไรก็ตาม ควรพิจารณาให้ครบ 5 หมู่ และที่สำคัญ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และของหมักดองนะคะ


ตั้งครรภ์ได้ 2 เดือนแล้ว ทำไมอยู่ดี ๆ ภรรยาก็ร้องไห้ บางทีก็ปรี๊ดแตก? เพราะคนท้องมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลต่ออารมณ์ จะเป็นอย่างไร? ส่งผลต่อลูกหรือไม่? คลิกที่นี่

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  3. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  4. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP