ไวรัส RSV หรือมีชื่อเต็มว่า Respiratory Syncytial Virus มักระบาดในช่วงหน้าฝนหรือปลายฝนต้นหนาว ซึ่งก็คือช่วงนี้ (ส.ค.)
อาการทั่วไปคล้ายหวัด แต่ RSV จะรุนแรงกว่าเพราะเป็นไวรัสที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายผลิตสารคัดหลั่งออกมาเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำมูก น้ำลาย และเสมหะ เป็นต้น และถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจทำให้เป็นโรคหอบหืดได้
ประสบการณ์จากแม่โน้ต
  คุณแม่ลูกหนึ่งที่เคยผ่านภาวะครรภ์เป็นพิษมาแล้ว ต้องคลอดลูกก่อนกำหนดด้วยอายุครรภ์เพียง 7 เดือน ต้องเลี้ยงลูกด้วยหลักคำสอนของผู้ใหญ่บ้าง ของตัวเองบ้างเพราะ…เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน และยุคสมัยต่างกัน
ในขณะที่ยุคนี้คือ “ยุคดิจิทัล” โจทย์ในการเลี้ยงลูกเปลี่ยนแปลงทุกวัน เราเองก็ต้องตั้งรับให้ดีและเตรียมความพร้อมให้ลูกเช่นกัน
โน้ตเลิฟการอ่าน รักการเขียน ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ค่ะ
Blockdit : คุณแม่บ้านบ้าน
IG : notepatsita
ซึ่งตอนนั้นน้องมินอายุได้เพียง 1 ขวบ เท่านั้นก็ได้รับเจ้าเชื้อไวรัส RSV ซะแล้ว










“อาการของเด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV ?”
- ผู้ป่วยจะแสดงอาการภายใน 4-6 วัน เป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
 - อาการทั่วไปคล้ายหวัด คือ มีไข้ต่ำ คัดจมูก จาม มีน้ำมูก ปวดศรีษะ ไอแห้ง เจ็บคอ
 - หายใจเหนื่อย หายใจแรงและเร็ว
 - หายใจครืดคราด
 - ตัวเขียว
 - มีเสียงหวีดในปอด (เพราะเยื่อบุทางเดินหายใจบวม อักเสบ แบะหลอดลมหดตัว)
 - ไอแบบมีเสมหะมาก
 










“น้องมินได้รับการรักษาอย่างไร?”
ตอนนั้นพาน้องมินไปแอดมิทที่โรงพยาบาลเพราะน้องมีอาการไอมาก มีเสมหะ พ่นยา และให้น้ำเกลือ










“แนวทางการรักษาของคุณหมอมีอะไรบ้าง?”
- ทานยาปฏิชีวนะ หากลูกติดเชื้อแบคทีเรีย
 - พ่นยาขยายหลอดลม
 - ดูดเสมหะ หากเสมหะมีลักษณะที่ข้นและเหนียวมาก
 - คุณหมออาจใช้ยาเอพิเนฟริน (Epinephrine)เพื่อลดอาการบวมของทางเดินหายใจ
 - อาจมีการให้ออกซิเจน หรือใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจ ในกรณีที่พบว่าลูกมีภาวะออกซิเจนต่ำหรือระบบหายใจล้มเหลว
 










“เคยเป็น RSV แล้วจะเป็นซ้ำได้ไหม?”
เท่าที่ได้คัยกับคุณหมอประจำตัวน้องมิน หากเคยเป็นแล้ว สามารถเป็นซ้ำได้ เพียงแต่อาการจะไม่ได้รุนแรงเท่าครั้งแรก และผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นได้เช่นกัน
ซึ่งอย่างหลังการันตีค่ะว่าเป็นได้ เพราะโน้ตติดน้องมินก็คราวที่เค้าต้องไปแอดมิทนี่แหละ แต่ว่าอาการเราน้อยกว่าลูกมาก










“ข้อความจากคุณหมอเกี่ยวกับผลกระทบหลังการติดเชื้อไวรัส RSV”
เด็กที่เคยติดเชื้อไวรัส RSV มาก่อน จะส่งผลต่อ “หลอดลมและระบบทางเดินหายใจ” เพราะเคยมีการพ่นยาขยายหลอดลมมาแล้ว ดังนั้น เวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงหรือเวลาที่จะเริ่มไม่สบายรอบใหม่ (รวมถึงโรคอื่นๆ ด้วย) หลอดลมก็จะไวต่อสิ่งเร้าได้ง่ายกว่าเด็กที่ไม่เคยเป็น RSV มาก่อน










“สิ่งที่พ่อแม่ต้องระวังคืออะไร?”
ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัส RSV ค่ะ หากเกิดภาวะแทรกซ้อน จะมีผลดังนี้
- โรคปอดบวมหรือโรคหลอดลมฝอยอักเสบ เพราะไวรัสจะเคลื่อนตัวจากระบบทางเดินหายใจด้านบน เช่น จมูก ปาก ลงไประบบหายใจช่วงล่าง ทำให้เกิดการอักเสบที่ปอดและทางเดินหายใจ
 - โรคหอบหืด
 










“จะมีวิธีป้องกันไหม?”
อย่างที่พ่อแม่หลายคนรู้กันดีค่ะ ว่า
- ก่อนกอนข้าวควรล้างมือทุกครั้ง
 - ไม่ใช้ของร่วมกับผู้ป่วย
 - ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ
 - ควรทำความสะอาดของเล่นที่ผู้ป่วยเล่นทุกครั้ง
 










“…ในชีวิตจริงคือ?”
เด็กก็คือเด็ก เล่นของเล่น แป้บๆ ก็เผลอเอามือเข้าปาก บางครั้งแม่อย่างเรานั่งอยู่ด้วยแท้ๆ ยังห้ามไม่ทันเลย โน้ตจึงพยายามใช้วิธีนี้แทน
- ให้ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
 - ทานผลไม้ที่มีวิตามินซี บังคับก็ต้องยอม 555
 - หากโดนฝนมาจากที่โรงเรียน กลับบ้านเอาลูกอาบน้ำทันที กับข้าวหรอ…รอก่อน 555
 - เวลาเปิดแอร์นอนก็จะไม่ให้เย็นมาก ประมาณ 25-26 องศาเซลเซียส
 - พาไปออกกำลังกาย ถ้าช่วงหน้าฝนก็ดูฟ้า ดูฝนกันก่อนนะคะ^^
 
ลูกไม่สบาย…ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้มันเกิดขึ้น เพียงแต่พ่อแม่ต้องเพิ่มความใส่ใจในการดูแลเข้าไปอีกซักนิด พยายามป้องกันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เท่านี้ก็พอ เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวค่ะ


ปล. รูป คือ ตอนที่น้องมินอายุ 1 ขวบ กำลังจะออกจาก รพ. หลังแอดมิทเพื่อรักษาไวรัส RSV