หลังคลอดคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยต่างก็ต้องมีการปรับตัวกัน เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงถ้าเทียบกับช่วงที่ตั้งครรภ์ ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือ “ทารกยังไม่สามารถสื่อสารเป็นคำพูดได้” ดังนั้น ต้องเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ค่ะที่ต้องหมั่นสังเกตว่าอะไรคืออาการปกติของลูกน้อย ซึ่งสามารถติดตามอ่านกันได้ที่ “23 อาการปกติของทารกแรกเกิด ที่พ่อแม่ควรรู้” และอะไรคือความผิดปกติของทารกที่ต้องพาไปพบแพทย์
สารบัญ
ความผิดปกติของทารกแรกเกิด
สังเกตการหายใจ
การหายใจโดยปกติทั่วไปของทารกแรกเกิดนั้น มักจะใช้ท้องเป็นหลัก คือ มีการเคลื่อนไหวของท้องมากกว่าหน้าอก อัตราการหายใจในแต่ละครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 30 -40 ครั้ง ต่อนาที ซึ่งจะมากกว่าเด็กโตประมาณเท่าตัว แต่ถ้าทารกมีอาการไอ หอบ หายใจครืดคราด หรือมีอาการตัวเขียวร่วมด้วย แบบนี้ถือว่าผิดปกติ
ปฏิกิริยาโต้ตอบขณะหลับ
โดยทั่วไปทารกจะมีขนาดของศีรษะที่โตกว่าลำตัว สามารถเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อได้ทุกส่วน ซึ่งถ้าจับทารกให้นอนคว่ำ ก็จะสามารถหันศีรษะได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งโดยที่ไม่ทำให้หายใจลำบาก ซึ่งถ้าระหว่างนั้นมีเสียงดังหรือได้รับการกระเทือนที่ร่างกาย ทารกจะตกใจ สะดุ้ง พร้อม ๆ กับกางแขนออกและโอบกอดเข้าหากัน พร้อมกับเสียงร้องไห้ที่ดังออกมา แบบนี้ถือว่าเป็นปฏิกิริยาที่ปกติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม หากทารกได้รับการกระทบกระเทือนหรือได้ยินเสียงดัง แต่นอนนิ่งเฉย หรือมีอาการซึม แสดงว่ามีอาการผิดปกติทางสมอง
ตัวเหลืองนานผิดปกติ
โดยทั่วไปแล้ว ทารกแรกเกิดจะมีอาการตัวเหลืองในช่วงสัปดาห์แรก และจะหายได้เองภายใน 3 – 5 วัน สาเหตุมาจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงและมีสารเหลืองออกมาด้วย รวมถึงตับของทารกแรกเกิดที่ยังพัฒนาและยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์จึงทำให้กำจัดสารเหลืองได้ช้า แต่ถ้าอาการตัวเหลืองกินระยะเวลานานกว่า 14 วัน โดยเฉพาะในทารกที่ไม่ได้กินนมแม่ ควรพาไปพบแพทย์ด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ทารกมีอาการชักเกร็ง และมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กทั่วไป
สะดือมีกลิ่นเหม็น มีหนอง หรือมีเลือดออก
ปกติแล้วสะดือของทารกจะแห้งและหลุดออกได้เองภายใน 5 – 10 วัน คุณแม่ควรทำความสะอาดสะดือทุกครั้งหลังอาบน้ำ ถ่ายอุจจารระ และปัสสาวะ ไม่ควรใช้แป้งโรยที่สะดือ ซึ่งถ้าหากคุณแม่พบว่ารอบ ๆ สะดือของลูกน้อยมีอาการบวมแดง มีกลิ่นเหม็น หรือเกิดอาการอักเสบ ควรไปพบแพทย์ทันที
ลูกมีอาการซึม ไม่ยอมดูดนม
ปกติแล้วทารกจะมีความอยากกินนมแม่เป็นทุนเดิม แต่หากเมื่อไหร่ก็ตามที่ทารกมีอาการนิ่ง ๆ ซึม ไม่ยอมกินนม นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกก็ได้ค่ะ อาทิ ลูกเจ็บเหงือกเพราะฟันกำลังจะขึ้น เกิดเชื้อราขึ้นในช่องปาก หูติดเชื้อจึงส่งผลต่อความเจ็บปวดขณะที่ดูดนมแม่ เป็นต้น
ลูกอาเจียนมากผิดปกติ
จริง ๆ แล้วเรื่องการที่ลูกแหวะนมเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากกระเพาอาหารของทารกมีขนาดเล็กและจำกัด หากลูกกินนมมากเกินไปก็จะส่งผลให้ลูกแหวะนมหรืออาเจียนได้ แต่ถ้าหากลูกแหวะนมหรืออาเจียนทุกครั้งหลังกินนม หรืออาเจียนมากกว่า 5 ครั้งต่อวัน หรือมีอาการไอทุกครั้งหลังกินนม อาจเกิดมาจากความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร หรือมีอาการติดเชื้อได้
ท้องอืด
ทารกแรกเกิดอาจมีอาการท้องอืดและผายลมบ่อย แต่ถ้าลูกมีอาการท้องอืดพร้อมกับมีไข้ งอแง หรืออาเจียนออกมา นี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าลูกมีอาการผิดปกติของระบบการย่อยอาหารอย่างรุนแรง
ฝ้าขาวในปาก
ฝ้าขาวในปากเกิดจากคราบน้ำนม หลังกินนมควรใช้ผ้าสำลีหรือผ้าสะอาดชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาดในช่องปาก แต่ถ้าลูกมีอาการมาก หรือมีฝ้าขาวที่หนามาก อาจส่งผลให้ลูกไม่ยอมกินนม น้ำหนักลดได้ ควรไปพบแพทย์ค่ะ
มีไข้สูง ไข้ต่ำที่ผิดปกติ
ปกติอุณหภูมิของทารกแรกเกิดจะอยู่ที่ประมาณ 37 °C และไม่มาก ไม่ต่ำไปกว่า 0.5 °C ซึ่งถ้าลูกมีอุณหภูมิที่ 37.5 °C แสดงว่าลูกมีไข้ ควรลดไข้ด้วยการเช็ดตัว และถ้าวัดอุณหภูมิได้ 38 °C แสดงว่าลูกมีไข้สูง ซึ่งเสียงต่ออาการชักได้ ควรรีบพาไปพบแพทย์
เพราะทารกยังไม่สามารถสื่อสารเป็นคำพูดให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจได้ ดังนั้น ความใส่ใจของคุณพ่อคุณแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะสำหรับทารก หรือแม้ว่าบางอย่างคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกน้อยจะผิดปกติหรือไม่ เพื่อความสบายใจก็สามารถไปปรึกษาแพทย์ได้เช่นกันนะคะ
ข้อมูลอ้างอิง
Clinicdek.com