ในช่วงที่เปลี่ยนฤดุกาลร่างกายเด็กเล็กมักจะปรับตัวไม่ทัน จึงทำให้มีอาการป่วยได้ โดยทั่วไปอาการป่วยมักเริ่มจากจาม ต่อมาคือ ไอ และมีไข้ หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยการมีน้ำมูก ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ลูกมีน้ำมูกอาการไอก็จะมากขึ้น เนื่องจากมีเสมหะในลำคอมาก
จากอาการที่ว่ามานี้ “อาการไอ” เป็นอะไรที่หายช้าสุด บางรายไอแห้ง บางรายไอแบบมีเสมหะ แต่หากลูกไอแบบมีเสมหะนานๆ คงไม่ดีแน่ แล้วคุณพ่อคุณแม่จะช่วยอะไรลูกได้บ้าง?
“การเคาะปอด” เพื่อช่วยระบายเสมหะให้ลูกนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ที่บ้านนะคะ ผู้เขียนก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน พบว่าตอนกลางคืนจากที่เคยไอแบบนอนไม่ได้กันทั้งบ้าน พอหลังจากเคาะปอดให้ลูก ลูกหลับยาวขึ้นและไอน้อยลง วันนี้ผู้เขียนมีวิธีการและรายละเอียดมาฝากค่ะ
สารบัญ
อาการไอเกิดจากอะไร?
การไอเกิดจากการที่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในระบบทางเดินหายใจ ร่างกายก็จะพยายามกำจัดออกด้วยการไอ แต่เนื่องจากเด็กเล็กยังไม่สามารถบ้วนเสมหะออกมาเองได้ ดังนั้น การเคาะปอดร่วมกับการจัดท่าเคาะปอดให้ถูกต้องก็จะเป็นกันช่วยลูกระบายเสมหะที่ติดออกมาได้
หลักการทั่วไปในการเคาะปอด
- การจัดท่าเคาะปอดให้ถูกต้องเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เนื่องจากการเคาะปอดเป็นวิธีที่อาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกเป็นหลัก โดยจัดให้ส่วนของปอดที่ต้องการระบายอยู่เหนือกว่าหลอดลม และปาก ส่งผลให้เสมหะไหลออกจากหลอดลมเล็กสู่หลอดลมใหญ่ และถูกขับออกได้จากการไอ และจะบ้วนเสมหะออกมา
- การเคาะ (Percussion) เราจะใช้อุ้งมือไม่ใช่ฝ่ามือ โดยให้ฝ่ามือทำเป็นลักษณะคุ้ม โดยให้นิ้วแต่ละนิ้วชิดกัน แล้วเคาะบริเวณเราจัดท่าไว้
- ใช้ผ้ารองบนส่วนที่เคาะ
- การเคาะในแต่ละท่าควรใช้เวลา 1 นาที
- หากผู้ป่วยไอขณะเคาะ ให้หยุดเคาะ แล้วใช้การสั่นสะเทือนแทน โดยใช้มือวางราบพร้อมทั้งเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน และหัวไหล่ ในจังหวะการหายใจเข้าเต็มที่ และกำลังหายใจออก
- ควรทำการเคาะปอดก่อนการทานอาหาร หรือขณะท้องว่าง หรือหลังทานอาหารไปแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักหรืออาเจียน
ข้อมูลอ้างอิง symphaet.co.th
เมื่อไหร่ที่ควรเคาะปอด?
- ไอบ่อย มีเสมหะมาก หายใจครืดคราด
- จากภาพรังสีทรวงอก พบว่าปอดแฟ่บ เหตุจากการอุดตันของเสมหะ
- ผู้ป่วยเด็กโรคเรื้อรัง ที่มีภาวะเสมหะคั่งค้าง
- ผู้ป่วยเด็กหลังผ่าตัด ที่ยังคงมีปัญหาเสมหะคั่งค้างในปอดและหลอดลม
- ผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาด้านระบบประสาท กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยยังมีปัญหาการคั่งค้างของเสมหะในหลอดลม
7 ท่าทางเคาะปอดที่ถูกต้อง
ขอบคุณคลิปจาก Thirathat Thongkaew
ท่าที่ 1 : ปอดกลีบซ้ายบน ส่วนยอด
จัดท่าให้ลูกน้อยอยู่ในท่านั่ง เอนตัวมาด้านหลังเล็กน้อย หรือประมาณ 30 องศา แล้วให้เคาะบริเวณด้านบนเหนือทรวงอกด้านซ้าย ระหว่างไหปลาร้าและกระดูกสะบัก
ท่าที่ 2 : ปอดกลีบซ้ายบน ด้านหลัง
จัดท่าให้ลูกน้อยนั่งคร่อมคุณแม่โดยให้หันหน้าเข้าหาคุณแม่ เอนตัวลูกไปประมาณ 30 องศา บนแขนของคุณแม่ แล้วเคาะบริเวณด้านหลังตอนบนเหนือกระดูกสะบัก ระหว่างกระดูกต้นคอ และหัวไหล่
ท่าที่ 3 : ปอดกลีบซ้ายบน ด้านหน้า
จัดท่าให้ลูกนอนหงายราบ เคาะบริเวณเหนือราวนมต่ำจากกระดูกไหปลาร้าเล็กน้อย
ท่าที่ 4 : ปอดกลีบซ้ายส่วนกลาง
จัดท่าลูกน้อยโดยให้ศีรษะต่ำลงมาประมาณ 15 องศา และตะแคงด้านซ้ายขึ้นมาประมาณ ¼ จากแนวราบ และเคาะบริเวณราวนมด้านซ้าย
ท่าที่ 5 : ปอดกลีบซ้ายล่าง ส่วนชายปอดด้านหน้า
จัดท่าลูกน้อยให้นอนตะแคงกึ่งคว่ำหน้า ให้ศีรษะต่ำลงมาเล็กน้อยประมาณ 30 องศา ให้คุณแม่ประคองทรวงอกบริเวณชายโครงด้านซ้ายหงายขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเคาะบริเวณเหนือชายโครงดด้านข้างตอนหน้าต่ำจากราวนมลงมาเล็กน้อย
ท่าที่ 6 : ปอดกลีบซ้ายล่าง ส่วนชายปอดด้านข้าง
จัดท่าลูกน้อยให้ศีรษะต่ำลงมาประมาณ 30 องศานอนตะแคงเกือบ ๆ คว่ำ เคาะบริเวณด้านข้างเหนือชายโครง ให้อยู่ในระดับเดียวกับท่าที่ 5 ใต้ต่อมรักแร้ของเด็ก
ท่าที่ 7 : ปอดกลีบซ้ายด้านล่าง ส่วนหลัง
จัดท่าลูกน้อยให้ศีรษะต่ำลงมาประมาณ 30 องศา ในท่าคว่ำ แล้วเคาะบริเวณด้านหลังต่ำลงมาจากกระดูกสะบักลงมาในระดับเดียวกันกับชายโครงด้านหน้า
ข้อมูลอ้างอิง amarinbabyandkids.com
หยุดเคาะทันที หากลูกมีอาการดังนี้
- ลูกบอกว่าเจ็บ หรือปวดบริเวณที่ถูกเคาะ
- ลูกหอบเหนื่อยมากขึ้น ริมฝีปากซีดคล้ำ หายใจปีกจมูกบาน
- ร้องไห้ งอแงมากกว่าเดิมจนผิดสังเกต
ข้อห้ามสำหรับการเคาะปอด
- เคยมีประวัติกระดูกหักบริเวณทรวงอก
- มีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็ง วัณโรคปอด
- มีอาการหอบเหนื่อย ตัวเขียว
- มีแผลเปิด หรือมีแผลหลังผ่าตัดที่ยังไม่หายดี
- มีภาวะกระดูกผุ
- มีภาวะเสี่ยงต่อการที่เลือดจะออกง่าย โดยสังเกตได้จากสีผิวที่เปลี่ยนไป สีปากคล้ำ หน้าซีด สัญญาณชีพผิดปกติ เช่น ไข้ขึ้นสูง หายใจเร็ว และมีความดันโลหิตสูง
- ความถี่ในการเคาะปอด
ความถี่ในการเคาะปอด
ช่วงเช้า
เพราะเป็นช่วงที่เสมหะคั่งค้างมาตลอดคืน เมื่อลกตื่นมาตอนเช้า จึงทำให้ลูกไอมาก การเคาะในช่วงเช้าจะเป็นการช่วยระบายเสมหะให้ลูกได้
ก่อนเข้านอน
เพื่อให้ลูกได้หลับยาวขึ้น หายใจโล่งขึ้น
หรือหากคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้อีกครั้งในช่วงบ่ายก่อนลูกหลับกลางวันก็จะดีค่ะ จะช่วยให้เค้าไม่หายใจครืดคราด จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
รู้ได้อย่างไรว่าเคาะปอดได้อย่างถูกต้อง
สังเกตได้ง่ายมากค่ะ หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่เคาะปอดให้ลูกน้อยแล้ว หากมาถูกทาง ลูกน้อยจะหลับได้นานขึ้น ไอน้อยลง ซึ่งของผู้เขียนเห็นได้ชัดเลย จากที่คืนก่
อนไอแบบแทบจะไม่ได้นอน แต่พอลองมาเคาะปอดดู เค้าหลับได้นานขึ้น ไอน้อยลง คุณพ่อคุณแม่ก็ได้พักมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
การเคาะปอด หากเรารู้วิธีที่ถูกต้องก็สามารถทำได้เองที่บ้านนะคะ เพื่อความสุขของคุณพ่อคุณแม่เอง เวลาที่เห็นลูกนอนหลับได้นานขึ้นค่ะ