ลูกกินยายาก พร้อมวิธีป้อนยาลูกให้ยอมกินแต่โดยดี

การดูแลสุขภาพเด็ก

ลูกป่วย” คำ ๆ นี้เป็นอะไรที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยากได้ยินกันเลยใช่มั้ยคะ เพราะเวลาที่ลูกเจ็บป่วยกันที เราก็สงสารจนอยากจะเป็นแทนซะเอง ยิ่งเวลาต้องป้อนยาลูกนะ…ไม่อยากคิดอีกเหมือนกัน เพราะลูกกินยายากถึงยากมาก คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เป็นห่วง อยากให้ลูกหาย แต่ลูกก็ร้องไห้ดิ้นไปดิ้นมา ป้อนยากซะเหลือเกิน แต่วันนี้ผู้เขียนมีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากค่ะ

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ก่อนป้อนยาลูก

  1. อ่านฉลากยาทุกครั้ง ปริมาณยาที่ต้องป้อนต่อครั้ง ป้อนกี่ครั้งต่อวัน หลังหรือก่อนอาหาร
  2. กินยาตามแพทย์สั่ง โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อต้อกินให้หมดถึงแม้ลูกน้อยจะหายแล้วก็ตาม
  3. ถ้าไม่เข้าในส่วนไหน เช่น เรื่องตัวยา หรือวิธีการป้อนยาที่ถูกต้อง ควรถามคุณหมอหรือเภสัชกรให้แน่ใจทุกครั้ง
  4. เตรียมอุปกรณ์ป้อนยาให้พร้อม ก่อนการป้อนทุกครั้ง

วิธีการป้อนยาให้ลูกแต่ละช่วงวัย

เด็กแรกเกิด – 1 เดือน

การป้อนยาสำหรับเด็กในวัยนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ “จุกนม” ที่ลูกทานนมเป็นประจำ ให้เอายาใส่ที่จุกนม แล้วเอาให้ลูกดูด เด็กในวัยนี้พอมีอะไรมาเข้าปาก เค้าก็จะดูดเองโดยอัตโนมัติค่ะ หากเค้าดูดยาหมดแล้ว ให้รีบนำจุกออกทันที ไม่เช่นนั้นลูกจะดูดลมเข้ากระเพาะ จะทำให้ลูกน้อยท้องอืดหรืออาจแหวะนมได้ค่ะ

เด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป

  • ใช้หลอดฉีดยาพลาสติก เลือกขนาดให้เหมาะกับปริมาณยาที่จะป้อนให้ลูก ซึ่งมีหลายขนาด เช่น 1 ซี.ซี., 2.5 ซี.ซี. และ 10 ซี.ซี. หรือจะใช้เป็นหลอดหยดยา (Dropper) แต่หลอดหยดยาจะมีแค่ 1 ซี.ซี. เท่านั้น อาจจะลำบากหากลูกต้องทานยาที่มากกว่า 1 ซี.ซี. เพราะต้องป้อนกันหลายครั้ง
  • ใช้หลอดฉีดยาพลาสติก เลือกขนาดให้เหมาะกับปริมาณยาที่จะป้อนให้ลูก ซึ่งมีหลายขนาด เช่น 1 ซี.ซี., 2.5 ซี.ซี. และ 10 ซี.ซี. หรือจะใช้เป็นหลอดหยดยา (Dropper) แต่หลอดหยดยาจะมีแค่ 1 ซี.ซี. เท่านั้น อาจจะลำบากหากลูกต้องทานยาที่มากกว่า 1 ซี.ซี. เพราะต้องป้อนกันหลายครั้ง
  • ใช้หลอดฉีดยาพลาสติก เลือกขนาดให้เหมาะกับปริมาณยาที่จะป้อนให้ลูก ซึ่งมีหลายขนาด เช่น 1 ซี.ซี., 2.5 ซี.ซี. และ 10 ซี.ซี. หรือจะใช้เป็นหลอดหยดยา (Dropper) แต่หลอดหยดยาจะมีแค่ 1 ซี.ซี. เท่านั้น อาจจะลำบากหากลูกต้องทานยาที่มากกว่า 1 ซี.ซี. เพราะต้องป้อนกันหลายครั้ง
  • ใช้หลอดฉีดยาพลาสติก เลือกขนาดให้เหมาะกับปริมาณยาที่จะป้อนให้ลูก ซึ่งมีหลายขนาด เช่น 1 ซี.ซี., 2.5 ซี.ซี. และ 10 ซี.ซี. หรือจะใช้เป็นหลอดหยดยา (Dropper) แต่หลอดหยดยาจะมีแค่ 1 ซี.ซี. เท่านั้น อาจจะลำบากหากลูกต้องทานยาที่มากกว่า 1 ซี.ซี. เพราะต้องป้อนกันหลายครั้ง
  • ใช้หลอดฉีดยาพลาสติก เลือกขนาดให้เหมาะกับปริมาณยาที่จะป้อนให้ลูก ซึ่งมีหลายขนาด เช่น 1 ซี.ซี., 2.5 ซี.ซี. และ 10 ซี.ซี. หรือจะใช้เป็นหลอดหยดยา (Dropper) แต่หลอดหยดยาจะมีแค่ 1 ซี.ซี. เท่านั้น อาจจะลำบากหากลูกต้องทานยาที่มากกว่า 1 ซี.ซี. เพราะต้องป้อนกันหลายครั้ง

เด็กอายุ 1 – 6 ปี

ในบางครั้งเด็กโตต้องกินยาปฏิชีวนะชนิดแคปซูล เพราะถ้าเป็นยาน้ำ เค้าต้องกินในปริมาณที่มาก แต่หากลูกยังกลืนยาได้ยาก เรามีวิธีค่ะ

  • ใช้หลอดฉีดยาพลาสติก เลือกขนาดให้เหมาะกับปริมาณยาที่จะป้อนให้ลูก ซึ่งมีหลายขนาด เช่น 1 ซี.ซี., 2.5 ซี.ซี. และ 10 ซี.ซี. หรือจะใช้เป็นหลอดหยดยา (Dropper) แต่หลอดหยดยาจะมีแค่ 1 ซี.ซี. เท่านั้น อาจจะลำบากหากลูกต้องทานยาที่มากกว่า 1 ซี.ซี. เพราะต้องป้อนกันหลายครั้ง
  • ใช้หลอดฉีดยาพลาสติก เลือกขนาดให้เหมาะกับปริมาณยาที่จะป้อนให้ลูก ซึ่งมีหลายขนาด เช่น 1 ซี.ซี., 2.5 ซี.ซี. และ 10 ซี.ซี. หรือจะใช้เป็นหลอดหยดยา (Dropper) แต่หลอดหยดยาจะมีแค่ 1 ซี.ซี. เท่านั้น อาจจะลำบากหากลูกต้องทานยาที่มากกว่า 1 ซี.ซี. เพราะต้องป้อนกันหลายครั้ง

ป้อนยาทีละขนาน

กรณีที่ลูกต้องกินยาหลายขนาน คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจนำยามาบดรวมกันแล้วกินในคราวเดียว จนบางทีทำให้กลิ่นและสีของยาเปลี่ยนไปจนลูกไม่ทานเลยก็มี ซึ่งการนำยามาบดรวมกันนี้ อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อาจทำให้ยามีฤทธิ์เพิ่มขึ้น เป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือมีฤทธิ์ลดลง ส่งผลเสียต่อการรักษา ทำให้ผลในการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร จะดีที่สุด หากคุณพ่อคุณแม่ป้อนยาทีละขนานนะคะ

อุปกรณ์สำหรับป้อนยาลูก

หลอดฉีดยาพลาสติก (Syringe) สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ขวบ หากใช้หลอดฉีดยานี้ในการป้อนก็จะทำให้ป้อนง่ายขึ้น โดยด้านข้างหลอดจะมีตัวเลขระบุ ซี.ซี. ไว้ โดย…

  • 1 ช้อนโต๊ะ = 3 ช้อนชา
  • 1 ช้อนชา = 5 ซี.ซี

ในที่นี้ต้องย้ำกันก่อนนะคะ ว่า “ช้อนชา” ไม่ใช่ใช้ช้อนชงกาแฟมาป้อนยาให้ลูกนะคะ และเช่นเดียวกัน “ช้อนโต๊ะ” ก็ไม่เอาช้อนทานข้าวมาป้อนยานะคะ แต่ควรใช้ช้อนหรือหลอดฉีดยาพลาสติกที่คุณหมอและเภสัชกรเตรียมไว้ให้เท่านั้นค่ะ

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาในเด็ก

มีไข้แบบไหนควรซื้อยาใช้เอง แบบไหนควรไปพบแพทย์

หากลูกตัวร้อนไม่ควรใช้หลังมือวัดไข้ลูกแต่ควรใช้ปรอทวัดไข้จะให้ค่าที่แม่นยำกว่า โดยให้ลูกหนีบไว้ที่รักแร้ ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที แล้วเอาออกมาอ่านค่า

  • อุณหภูมิที่มากกว่าหรือเท่ากับ 37.8 องศาเซลเซียส ควรให้ยาพาราเซตามอล ร่วมกับการเช็ดตัวลูกด้วยน้ำอุ่น
  • หากอุณหภูมิมากกว่าหรือเท่ากับ 40 องศาเซลเซียส ให้ยาแล้วไข้ก็ไม่ลด ควรพาไปพบแพทย์

หากอ่านค่าอุณหภูมิได้มากกว่าหรือเท่ากับ 37.8 องศาเซลเซียส ควรเริ่มให้ยาลดไข้พาราเซตามอลร่วมกับการเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น โดยเช็ดย้อนรูขุมขน และเช็ดเน้นบริเวณข้อพับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อพับแขนและขา ควรเช็ดตัวไปเรื่อยๆ จนกว่าไข้จะลด หากไข้ไม่ลดหลังจากการให้ยาครั้งแรกนาน 4 ชั่วโมง สามารถให้ยาลดไข้ซ้ำได้ และให้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง แต่หากมีไข้เกิน 3 วัน หรือมีไข้สูงมาก เช่น เกิน 40 องศาขึ้นไป หรือไข้สูงลอยให้ยาแล้วไข้ไม่ลด ควรพาไปพบแพทย์โดยด่วน อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้เกิดอาการชักได้
ข้อมูลอ้างอิง ภญ.ปิลันธนา เขมะพันธุ์มนัส

หากลูกอาเจียนควรให้ยาซ้ำหรือไม่

คุณพ่อคุณแม่หลายคนเมื่อป้อนยาลูกแล้วลูกร้องไห้อาเจียนออกมา จะป้อนอีกก็กลัวได้รับยาเกินขนาด ครั้นจะไม่ป้อนก็กลัวลูกได้ยาไม่ครบ มีคำแนะนำดังนี้ค่ะ ถ้าป้อนยาลูกแล้วลูกอาเจียนปั๊บสามารถป้อนยาใหม่ได้ทันที แต่ถ้าป้อนยาไปแล้ว ซักพักหนึ่งลูกค่อยอาเจียน แบบนี้ให้ข้ามไปในมื้อถัดไปค่ะ

อย่าผสมยาลงในขวดนม

เนื่องจากแคลเซียมในนมอาจจับกับยาบางชนิด ทำให้ยาไม่ออกฤทธิ์ และหากลูกกินนมไม่หมดในคราวเดียวจะทำให้ลูกได้รับยาไม่ครบตามขนาดที่ควรได้รับ

วิธีเก็บรักษายาอย่างถูกต้อง

ควรเก็บไว้ในตู้ยาสามัญประจำบ้าน และตรวจดูอายุของยาก่อนใช้ทุกครั้ง หากไม่มีตู้ยาควรเก็บให้พ้นมือเด็ก ที่สำคัญ คือ ต้องไม่วางยาไว้ใกล้กับขวดน้ำดื่มค่ะ

ลูกกินยายากก็ว่าเหนื่อยแล้วนะ มีบ้านไหนที่มีลูกเป็นเด็กกินยากบ้างคะ โน่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่ถูกปาก นั่นก็ไม่เอา หากต้องการปรับพฤติกรรมเด็กกินยาก คุณแม่สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้ค่ะ “เด็กกินยาก สาเหตุและวิธีปรับพฤติกรรมลูกกินข้าวยาก


ทำไมลูกกลายเป็นเด็กกินยากอย่างนี้นะ ทำอย่างไรดี? มา ๆ ค่ะ บทความที่จะทำให้พ่อแม่เข้าใจลูกมากขึ้น พร้อมเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กกินยาก คลิกที่นี่

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP