พฤติกรรมที่ไม่ควรทำกับลูก หากต้องการให้ลูกเชื่อฟัง

การเลี้ยงลูกวัย 1-3 ขวบ
JESSIE MUM

เป็นธรรมดาค่ะที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอน แต่ด้วยความเป็นเด็ก เขาก็จะมีความอยากลอง อยากเรียนรู้ด้วยตัวเอง นั่นจึงทำให้ลูกกระทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอน แต่รู้หรือไม่คะว่า บางครั้งพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่เองที่ทำให้ลูกไม่ค่อยเชื่อฟัง วันนี้โน้ตอยากชวนคุณพ่อคุณแม่มาสำรวจตัวเองกันซักหน่อยดีกว่าค่ะว่าเคยมีพฤติกรรมตามนี้บ้างหรือเปล่า

มีความลำเอียง ทำตามอารมณ์ของตนเอง

ด้วยธรรมชาติของเด็กมักจะชอบความเท่าเทียม เป็นระบบ และความสม่ำเสมอ ข้อนี้คุณแม่จะเห็นได้ชัดหากมึลูกมากกว่า 2 คน เช่น ตื่นเช้ามาคุณแม่ต้องชุดนักเรียนให้ลูกคนเล็ก ในขณะที่คนโตก็อยากให้คุณแม่แต่งให้เหมือนกัน แต่คุณแม่บอกกับลูกคนโตว่า “หนูโตแล้ว แต่งเองได้แล้ว

ตักเตือนลูก โดยที่ไม่บอกถึงผลลัพธ์ที่ตามมาหากลูกยังกระทำแบบเดิม

เช่น หลังล้างมือลูกชอบเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดปากด้วย แต่คุณแม่บอกกับลูกแค่ว่า “ไม่ทำอย่างนี้อีกนะ อย่าให้ต้องพูดบ่อย ๆ” แต่คุณแม่ไม่ได้บอกว่าถ้าลูกเอาผ้ามาเช็ดปากอีก ลูกจะเป็นอย่างไร และคุณแม่จะทำอะไร เป็นต้น

กำหนดบทลงโทษ และใช้บทลงโทษที่ไม่แน่นอน

ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคุณแม่ ถ้าวันไหนคุณแม่อารมณ์ดี ลูกเอาปากกาเขียนกำแพง ลบไม่ออกก็ไม่ว่าอะไร แถมยิ้มให้ลูกอีก ต่อมาอีกวัน ลูกเห็นว่าวันก่อนยังเขียนได้ก็เอาดินสอสีวาดกำแพง เพื่อที่จะได้มีสีสัน พอคุณแม่เห็นเท่านั้น ลงโทษลูกด้วยวิธีการที่รุนแรง แบบนี้คิดว่าลูกเข้าใจและเชื่อฟังคุณแม่ไหมน้า…

ไม่ให้ทางเลือกกับลูก

เช่น ถ้าวันหยุดนี้ลูกบอกอยากไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่คุณแม่บอกว่า “ไม่ไป” ลูกถามต่อด้วยความสงสัยว่าเพราะอะไร แต่คุณแม่ก็ตอบได้เพียงว่า “บอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปไง” สิ่งที่ลูกทำได้อย่างเดียวคือ เดินคอตก พร้อมเครื่องหมายคำถามในใจตัวโต ๆ ค่ะ

ไม่เคารพในสิ่งที่ลูกเลือก ไม่เคารพการตัดสินใจของลูก

ด้วยความหวังดีของคุณแม่อีกเช่นเคย ที่อยากให้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกนั้นออกมาดีที่สุด แต่ในบางเรื่องถ้าลูกสามารถตัดสินใจเองได้ คุณแม่ก็ควรปล่อยให้ลูกได้ตัดสินใจเองบ้างนะคะ เพราะเขาก็จะได้เรียนรู้ถึงผลลัพธ์ที่เขาเลือกเองอีกด้วยค่ะ

ใช้น้ำเสียงโทนเดียวตลอด

จริงอยู่ การพูดด้วยโทนเสียงที่ดังเป็นการเรียกความสนใจของเด็กได้ดี แต่การที่คุณแม่ใช้โทนเสียงที่ดังเพียงโทนเสียงเดียวตลอด ก็จะทำให้เด็กไม่สนใจคุณแม่ ไม่สนใจในสิ่งที่คุณแม่พยายามจะสื่อสาร ในขณะที่การแยกโทนเสียงที่ดังบ้าง โทนปกติบ้าง หรือกระซิบบ้างก็จะเป็นการเพิ่มความสนใจให้ลูกได้

พูดประชดประชัน

เช่น ลูกไม่อยากกินกับข้าวมื้อนี้ แต่คุณแม่ทุ่มเททำเต็มที่ เมื่อลูกบอกว่า “หนูไม่กิน หนูไม่ชอบ” คุณแม่หงุดหงิด จึงตอบลูกไปว่า “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน” หลังจากนั้นลูกลุกเดินออกจากโต๊ะอาหาร นั่นเป็นเพราะเด็กยังไม่เข้าใจว่าการประชดปะชันคืออะไร เพราะเด็กจะรู้สึกอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ตัวเองรู้สึกอย่างไรก็พูดอย่างนั้นค่ะ

ไม่โฟกัสหน้าลูกขณะที่พูด

ลูกจะเข้าใจว่าคุณแม่ไม่พอใจเขา ลูกรับรู้ได้นะคะ และอีกแง่มุมหนึ่งก็คือ การพูดที่ไม่มองหน้าลูกก็เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มระยะห่างระหว่างแม่และลูกค่ะ

จับผิดลูกในทุกเรื่อง

ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรานะคะ ไม่มีใครอยากถูกจับผิดในทุกเรื่องหรอก จริงไหมคะ

มีแต่คำว่า “ห้าม” “อย่า”

อย่ากระโดด อย่าปีน อย่าวิ่ง อย่านั่งแบบนี้ อย่าเคาะ” และอีกสารพัดจะห้าม ลองจินตนาการตามนะคะ ว่าถ้าเป็นเราจะเบื่อแค่ไหน อะไร ๆ ก็ห้ามไปซะทุกอย่าง

แม่โน้ต

การห้ามลูกไม่ทำอะไรนั้น ห้ามได้ค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรให้เหตุผลกับลูกด้วยว่าที่ห้ามเพราะอะไร? ลูกก็จะได้เรียนรู้และทำความเข้าใจว่าเพราะอะไรคุณพ่อคุณแม่ถึงต้องห้าม

พูดคำไหนคำนั้น

เช่น เมื่อวานอนุญาตให้ลูกไปวิ่งเล่นหน้าบ้านได้ แต่วันนี้ไม่ให้ และไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายกับลูก แบบนี้จะทำให้เด็กสับสนได้ค่ะ

การเลี้ยงลูกต้องมีทั้ง “พฤติกรรมและคำพูด” ควบคู่กันไป ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีแต่คำพูด คำสอนที่ดี และพฤติกรรมที่เป็นต้นแบบที่ดี แบบนี้ลูกเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่แน่นอนค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP