เตือน! ลูกกรี๊ด เอาแต่ใจ ไม่ควรโพสต์พฤติกรรมไม่ดีของลูกบนโลกโซเชียล

การเลี้ยงลูกวัย 1-3 ขวบ
JESSIE MUM

คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ายุคนี้เป็นยุคของ “โซเชียลมีเดีย (Social Media)” ทุกคนสามารถถ่ายรูป ถ่ายคลิปแล้วโพสต์ลงบนเฟสบุคอินสตาแกรม ทวิตเตอร์ยูทูปฯลฯ ได้เพียงมีมือถือและใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่…สำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ เราควรระวังเรื่องนี้ให้มากเป็นพิเศษ
วันนี้ผู้เขียนชวนคุณแม่มาทำความเข้าใจและปรับพฤติกรรมลูกร้องกรี๊ด เอาแต่ใจกัน ไปดูกันทีละข้อเลยค่ะ

ทำไมถึงไม่ควรโพสต์พฤติกรรมไม่ดีของลูกบนโลกโซเชียล

เพราะอะไร?…

ตัวเด็กเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เด็กร้องกรี๊ด เอาแต่ใจ จะเอาทุกอย่างที่อยากได้ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรโพสต์พฤติกรรมที่ไม่ดีของลูกบนโลกโซเชียลอาทิ ร้องกรี๊ดอย่างรุนแรง ลงไปนอนดิ้นอยู่บนพื้น เอามือดึงผมตัวเอง ผู้เขียนเคยได้ยินมาว่ามีเด็กบางคนถึงขั้นเอาหัวโขกพื้นก็มี เพราะ…สิ่งที่พ่อแม่โพสต์ไว้นั้น มันจะอยู่บนโลกโซเชียลไปอีกนาน อาจทำให้ผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ และที่สำคัญ เป็นการละเมิดสิทธิเด็กอีกด้วยค่ะ

เด็กคนอื่นๆ

หากพ่อแม่ของเด็กคนนั้นโพสต์ลงบนโลกโซเชียล โดยเฉพาะยูทูปและมีเด็กคนอื่นเปิดมาเจอ เค้าจะจำและทำตาม จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง เด็กในวัย 1-3 ขวบ จะเป็นวัยที่ช่างจดช่างจำมาก เด็กๆ จำพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านั้นและทำตามอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้วยธรรมชาติของเด็กในวัย 1-3 ขวบ เป็นวัยที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง อยากที่จะเลือกนู่นเอง เลือกนี่เอง และเมื่อไม่ได้ดังใจก็จะกรี๊ด นอนดิ้นกับพื้น ร้องไห้ไม่ฟังอะไร เป็นต้นเบื้องต้นเราควรทำความเข้าใจลูกก่อนว่าเค้าต้องการอะไร แล้วค่อยเริ่มปรับพฤติกรรมกันค่ะ

ลูกกรี๊ด ลูกต้องการบอกอะไรคุณแม่

  • อาจเพราะโมโห หงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจ ขัดใจ เพราะเด็กในวัยนี้ยังพูดไม่ชัด คำศัพท์ในหัวยังน้อย ไม่รู้ว่าจะสื่อสารอย่างไรให้คุณแม่เข้าใจ แต่ถ้าโตขึ้นเค้าก็จะอธิบายได้มากขึ้นเองค่ะ
  • ลูกเกิดการเรียนรู้ว่าเมื่อกรี๊ดแล้ว คุณแม่จะหันมาให้ความสนใจ และจะได้สิ่งที่ต้องการทันที
  • จำพฤติกรรมจากคนรอบข้าง แล้วเกิดการเลียนแบบ
  • คนรอบข้างชอบแกล้งให้ลูกหงุดหงิดบ่อยๆ

วิธีการปรับพฤติกรรมลูกกรี๊ด เอาแต่ใจ

  1. ควรใส่ใจลูกด้วยการหันไปมองเวลาที่เค้าต้องการความสนใจจากเรา เพราะหากเราไม่ได้สนใจเค้าอย่างที่เค้าต้องการ ลูกอาจกรี๊ดได้ เพราะลูกเรียนรู้ว่าถ้ากรี๊ดแล้วคุณแม่จะหันไปมองเค้าทันทีที่สำคัญลูกจะเข้าใจว่าการกรี๊ดเป็นการเรียนร้องความสนใจได้ดี
  2. อย่าตามใจลูกมากเกินไป เพราะคุณแม่คงไม่สามารถให้ลูกได้ในทุกอย่างที่ลูกขอ ดังนั้นหากลูกไม่เคยถูกขัดใจเลย ก็จะทำให้เค้ากรี๊ดและทำร้ายตัวเอง เพื่อต้องการเอาชนะคุณแม่ได้ค่ะ
  3. สอนให้ลูกรู้จักการควบคุมอารมณ์ตัวเอง ให้ลูกรู้จักความผิดหวังและเสียใจบ้าง
  4. ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง เช่น สวมกางเกงเอง ใส่รองเท้าเอง เก็บของเล่น หรือเก็บของใช้ส่วนตัวได้เอง การฝึกสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้ลูกเรียนรู้และสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยไม่ต้องร้องขอให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยเหลือ ทำให้ลูกเก่งและดูโตมากกว่าเด็กคนอื่นๆ
  5. หากขณะที่ลูกกรี๊ด และยังไม่ยอมฟังใคร ให้คุณแม่ปล่อยเค้ากรี๊ดไปก่อน รอจนกว่าลูกจะสงบ แล้วค่อยเข้าไปคุยกับลูก บอกลูกว่า “แม่เข้าใจว่าหนูโกรธ” บางครั้งสิ่งที่ลูกอยากได้ คุณแม่ไม่สามารถให้ได้จริงๆ ก็อธิบายให้เค้าเข้าใจว่าเพราะอะไร และเมื่อไหร่ที่เค้าสมควรจะได้รับสิ่งนั้น
  6. อย่าสัญญา หากไม่สามารถทำตามที่สัญญาได้ เพราะเด็กจะผิดหวังและฝังใจไปจนโต
  7. การเบี่ยงเบนความสนใจ ผู้เขียนคิดว่าการเบี่ยงเบนความสนใจสามารถใช้ได้กับเค้าเพียงแค่ช่วงอายุเดียว หากลูกโตขึ้น…การที่พ่อแม่เข้าแก้ปัญหาที่ลูกร้องกรี๊ด อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมถึงให้ในสิ่งที่ลูกขอไม่ได้ จะเป็นการดีกว่าที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเค้า เพราะอนาคตหากเค้าจำได้ว่าสิ่งนี้เคยขอไปแต่ไม่ได้ คราวนี้ก็จะกรี๊ดใหม่ เป็นแบบนี้ไม่จบ

อยากให้ลูกเติบโตเป็นเด็กแบบไหน ก็หว่านเมล็ดพันธุ์แบบนั้นให้ลูกนะคะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP